หน้าเว็บ

กิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย

กิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย


ขอบข่าย/เนื้อหา/กิจกรรม

๑. การวาดภาพและระบายสี เช่น การวาดภาพด้วยสีเทียน สีไม้ สีนํ้า

๒. การเล่นกับสีนํ้า เช่น การเป่าสี การหยดสี การพับสี การเทสี การละเลงสีด้วยนิ้วมือ

๓. การพิมพ์ภาพ เช่น การพิมพ์ภาพด้วยพืช การพิมพ์ภาพด้วยวัสดุต่างๆ

๔. การปั้น เช่น การปั้นดินเหนียว การปั้นแป้งปั้น การปั้นดินนํ้ามัน การปั้นแป้งขนมปัง

๕. การพับ ฉีก ตัด ปะ เช่น การพับใบตอง การฉีกกระดาษเส้น การตัดภาพต่างๆ การปะติดวัสดุ

๖. การประดิษฐ์ เช่น ประดิษฐ์เศษวัสดุ     

๗. การร้อย เช่น การร้อยลูกปัด การร้อยหลอดกาแฟ การร้อยหลอดด้าย

๘. การสาน เช่น การสานกระดาษ การสานใบตอง การสานใบมะพร้าว

 

แนวการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์

๑. เตรียมจัดโต๊ะและอุปกรณ์ให้พร้อมและเพียงพอก่อนทำกิจกรรมอย่างน้อย ๒ กิจกรรมโดยจัดไว้หลายๆ กิจกรรม และอย่างน้อย ๓ - ๕ กิจกรรม เพื่อให้เด็กมีอิสระในการเลือกทำกิจกรรมที่สนใจ

๒. ควรสร้างข้อตกลงในการทำกิจกรรม เพื่อฝึกให้เด็กมีวินัยในการอยู่ร่วมกัน

๓. การเปลี่ยนและหมุนเวียนทำกิจกรรม ต้องสร้างข้อตกลงกับเด็กให้ชัดเจน เช่น หากกิจกรรมใดมีเพื่อนครบจำนวนที่กำหนดแล้ว ให้คอยจนกว่าจะมีที่ว่าง หรือให้ทำกิจกรรรมอื่นก่อน

๔. กิจกรรมใดเป็นกิจกรรมใหม่ หรือการใช้วัสดุอุปกรณ์ใหม่ ครูจะต้องอธิบายวิธีการทำ วิธีการใช้วิธีการทำความสะอาด และการเก็บของเข้าที่

๕. เมื่อทำงานเสร็จหรือหมดเวลา ควรเตือนให้เด็กเก็บวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้เข้าที่ และช่วยกันดูแลห้องให้สะอาด

 

สื่อกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์

๑. การวาดภาพและระบายสี

๑.๑ สีเทียนแท่งใหญ่ สีไม้ สีชอล์ก สีนํ้า

๑.๒ พู่กันขนาดใหญ่ (ประมาณเบอร์ ๑๒)

๑.๓ กระดาษ

๑.๔ เสื้อคลุม หรือผ้ากันเปื้อน

๒. การเล่นกับสีนํ้า

๒.๑ การเป่าสี มีกระดาษ หลอดกาแฟ สีนํ้า

๒.๒ การหยดสี มีกระดาษ หลอดกาแฟ สีนํ้า พู่กัน

๒.๓ การพับสี มีกระดาษ สีนํ้า พู่กัน

๒.๔ การเทสี มีกระดาษ สีนํ้า

๒.๕ การละเลงสีด้วยนิ้วมือ มีกระดาษ สีนํ้า แป้งเปียก

๓. การพิมพ์ภาพ

๓.๑ แม่พิมพ์ต่างๆ จากของจริง เช่น นิ้วมือ ใบไม้ ก้านกล้วย

๓.๒ แม่พิมพ์จากวัสดุอื่นๆ เช่น เชือก เส้นด้าย ตรายาง

๓.๓ กระดาษ ผ้าเช็ดมือ สีโปสเตอร์ หรือสีนํ้า หรือสีฝุ่น

๔. การปั้น เช่น ดินนํ้ามัน ดินเหนียว แป้งโดว์ แผ่นรองปั้น แม่พิมพ์รูปต่างๆ ไม้นวดแป้ง

๕. การพับ ฉีก ตัด ปะ เช่น กระดาษ หรือวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้พับ ฉีก ตัด ปะ กรรไกรขนาดเล็กปลายมน กาวนํ้าหรือแป้งเปียก ผ้าเช็ดมือ

๖. การประดิษฐ์ เช่น เศษวัสดุต่างๆ มีกล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผ้า เศษไหม กาว กรรไกร สี ผ้าเช็ดมือ

๗. การร้อย เช่น ลูกปัด หลอดกาแฟ หลอดด้าย

๘. การสาน เช่น กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว


1. การวาดภาพระบายสี

           การวาดภาพระบายสี  เป็นวิธีสร้างภาพที่ดี การวาดหรือเขียนภาพระบายสีมีหลายแบบ ทั้งสีน้ำ  สีเทียน สีโปสเตอร์ ลักษณะของภาพที่เขียนเป็นการเขียนภาพแบบอิสระ และการใช้สีแบบอิสระ โดยสีที่ใช้ระบาย จะเลียนแบบธรรมชาติหรือเลียนแบบของจริง

                  การวาดภาพระบายสีของเด็กนั้น จะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กแสดงออกถึงประสบการณ์ส่วนตัวของเด็ก โดยให้เด็กได้ออกแบบภาพวาดและระบายสีด้วยตัวเอง รูปร่างของภาพไม่จำเป็นต้องเหมือนสิ่งแวดล้อมที่เด็กได้สังเกตมาก็ได้ และสีที่ระบายไม่จำเป็นต้องเหมือนธรรมชาติ  กิจกรรมนี้จึงเหมาะสำหรับเด็ก เพราะจะเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการเสริมทักษะให้แก่เด็ก

                  ตัวอย่างกิจกรรมการวาดภาพระบายสี ได้แก่ การวาดภาพและระบายสีด้วยสีเทียน พู่กัน ฟองน้ำ การวาดภาพตามจินตนาการจากเสียงดนตรี การเขียนภาพด้วยวิธีขูดแกะสีเทียน การวาดภาพด้วยนิ้วมือ การเขียนภาพด้วยกาวน้ำโรยทรายสี การเขียนภาพบนถาด เป็นต้น

 

2. การทดลอง การเล่นกับสี

ในการเล่นกับสีนั้น เด็กๆจะชื่นชมผลงานของตนซึ่งมีหลายๆ สีมากกว่าที่จะอยากรู้ชื่อของสี การเล่นกับสีจึงเป็นกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ขั้นพื้นฐานที่เหมาะสำหรับเด็กปฐมวัยอีกกิจกรรมหนึ่ง  เพราะเป็นกิจกรรมที่สนองพัฒนาการของเด็กในวัยที่มีช่วงของความสนใจสั้น ควรนำมาจัดให้เด็กได้ปฏิบัติอยู่เป็นประจำด้วยการผลัดเปลี่ยนวิธีการและวัสดุไปเรื่อยๆ กิจกรรมที่ทำไม่ควรมีขั้นตอนซับซ้อนนักและควรใช้เวลาสั้นๆ ในแต่ละกิจกรรม

ข้อเสนอแนะสำหรับกิจกรรมการเล่นกับสี

- การผสมสีด้วยกิจกรรมการเล่นกับสี ช่วยให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง ครู / ผู้ดูแลเด็กเพียงแต่เสนอแนะวิธีการเพียงเล็กน้อยและบอกชื่อสีที่เกิดขึ้นใหม่เท่านั้น

- ในการเล่นกับสีด้วยวิธีการระบายสี ไม่ควรต้องให้เด็กร่างภาพก่อนระบายสีหรือใช้เครื่องมือช่วย เช่น ดินสอ ไม้บรรทัด เป็นต้น

- การเล่นกับสี อาจใช้สีแท่งและสีผสมน้ำทำร่วมกันได้

- ควรมีการติดตามผลงามของเด็กอย่างต่อเนื่องและบันทึกการพัฒนาผลงานของเด็กไว้

การเล่นกับสีโดยการใช้สีเป็นสื่อสำหรับเด็กปฐมวัย อาจแบ่งเป็น 2 ประเภท  ได้แก่

1. ประเภทสีแท่ง  ได้แก่ สีเทียน สีชอล์ก ดินสอสี แท่งถ่าน มีวิธีการเล่นต่างๆ  เช่น การขูดสีเทียน การเล่นสีเทียนผสมน้ำ การเขียนสีเทียนบนกระดาษทราย  เป็นต้น

        2. ประเภทการเล่นกับสีผสมน้ำ ได้แก่  สีฝุ่น สีโปสเตอร์ สีน้ำ สีธรรมชาติ สีทำขนม มีวิธีการเล่นต่างๆ เช่น การเทสีบนกระดาษแห้งและกระดาษเปียก การหยดสี การทับสี การเป่าสี การละเลงสีหลายๆ สีหรือสีเดียวด้วยส่วนต่างๆ ของมือและท่อนแขน การทำสเตนซิลอย่างง่ายๆ เป็นต้น  ฯลฯ

การเล่นกับสีด้วยวิธีต่างๆ เหล่านี้ แม้จะเปรอะเปื้อนบ้าง แต่ให้คุณค่าต่อเด็กอย่างมหาศาล เพราะเด็กจะมีโอกาสได้ผ่อนคลายอารมณ์และความรู้สึกที่กดดันในใจ มีอิสระในการทดลอง สำรวจค้นคว้า สังเกต  จินตนาการและสร้างสรรค์ตามที่เขาต้องการได้ เด็กมีความสุขสนุกสนานต่อสิ่งที่ตนกระทำ รู้จักแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตนเองและทำให้เด็กเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น

 

3. การพิมพ์ภาพ

องค์ประกอบที่ใช้ในการพิมพ์ มี 3 ประการ คือ

1. แม่พิมพ์ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ แม่พิมพ์ที่สร้างขึ้นใหม่ และแม่พิมพ์ที่ใช้รูปแบบเดิมของวัสดุ

2. สีที่ใช้ในการพิมพ์ โดยทั่วไปเป็นสีผสมกับน้ำได้ เช่น สีน้ำ สีฝุ่นผสมกาว  สีโปสเตอร์ หมึกพิมพ์โดยเฉพาะที่ขายเป็นกระป๋อง ฯลฯ

3. พื้นที่สำหรับรองรับการพิมพ์ โดยทั่วไปใช้ กระดาษ ดินเหนียว แผ่นหิน กระจก ฯลฯ

วัสดุที่จะใช้เป็นแม่พิมพ์ แบ่งได้เป็น

            . วัสดุที่ได้จากธรรมชาติ

   - วัสดุที่มาจากพืช ได้แก่ส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ลำต้น กิ่ง ใบ ดอก ก้าน เมล็ด เปลือก ฯลฯ

            - วัสดุที่มาจากสัตว์ ได้แก่ ขนสัตว์ต่างๆ  เปลือกหอย เปลือกไข่ ปีกแมลงต่างๆ ฯลฯ

            - วัสดุธรรมชาติทั่วไป ได้แก่ หิน ดิน ทราย ฯลฯ

            . วัสดุสังเคราะห์ต่างๆ

- เศษกระดาษ เศษผ้า เชือกต่างๆ

- เศษวัสดุจำพวกพลาสติก ได้แก่ ปลอกปากกา ฝาขวด กระดุม ฯลฯ

- เศษวัสดุจำพวกโลหะ ได้แก่ น็อต ฝาเบียร์ ตะปู สตางค์ ฯลฯ

- เศษวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ ได้แก่ ฟองน้ำ หลอดด้าย โฟม สบู่ ฯลฯ

- ไม้จำพวก ไม้อัด ไม้โมก ฯลฯ

ตัวอย่างกิจกรรมการพิมพ์ภาพสำหรับเด็กปฐมวัย ได้แก่  การสร้างภาพด้วยเชือกชนิดต่างๆ หรือด้ายหลอด (การพิมพ์ด้วยเชือก) การลูบสี (การพิมพ์โดยใช้แม่พิมพ์วัสดุสังเคราะห์) การพิมพ์ด้วยกระดาษขยุ้ม การพิมพ์ภาพด้วยพืช การพิมพ์ภาพด้วยเศษวัสดุ แม่พิมพ์เชือกสร้างภาพ


4. การปั้น

            การปั้น  เป็นการใช้ดินหรือสิ่งที่มีลักษณะเหนียวนิ่ม มาปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ตามจินตนาการของเด็ก เพื่อเป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการด้านต่างๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อมือ และยังเป็นการทำให้เด็กได้ระบายอารมณ์ออกโดยการปั้น


 

อุปกรณ์และเครื่องมือ 1. ดินเหนียว 2. ดินน้ำมัน  3. กระดาษ 4. กระดานหรือกระดาษรองปั้น

ลักษณะของการปั้น  แบ่งได้เป็นหลายลักษณะ ดังนี้

1. การปั้นแบบนูนต่ำ เช่น รูปเหรียญต่างๆ

2. การปั้นแบบลอยตัว เช่น พระพุทธรูป และสิ่งของต่างๆ เช่น ปั้นผลไม้

3. การปั้นของเล่น

4. การปั้นรูปทรงเรขาคณิต

5. การปั้นเป็นเครื่องประดับหรือเครื่องใช้สอย เช่น ชาม จาน ของใช้ต่างๆ

6. การปั้นภาพประกอบเรื่องราว

วิธีทำ ก่อนจะปั้นต้องคิดเสียก่อนว่าจะปั้นเป็นรูปทรงอะไร มีลวดลายอย่างไร อาจใช้วิธีนำมาคลึงเป็นเส้น แล้วขดดินที่คลึงเป็นเส้นยาวๆ ให้เป็นลวดลายต่างๆ ตามความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง หรืออาจใช้วัสดุต่างๆ ช่วยในการตกแต่งให้สวยงามยิ่งขึ้น เช่น ดินสอ ฝาขวด หวี ฯลฯ  กดให้เป็นลวดลาย หรือรูปทรงต่างๆ หรืออาจนำดินมาปั้นเป็นของเล่น เช่น รูปสัตว์ รูปรถ รูปผลไม้ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เกิดความสนุกสนานและเพลิดเพลินในขณะที่ทำการปั้น (สุรพล ขันธศุภ, 2531)

 

             ตัวอย่างกิจกรรมการปั้นสำหรับเด็ก  ได้แก่  การปั้นดินเหนียวหรือการปั้นดินน้ำมัน การปั้นแป้งโด การปั้นกระดาษเปื่อยผสมแป้งเปียก การปั้นหน้ากาก การปั้นขี้เลื่อยผสมแป้งเปียก

 

การปั้นดินเหนียวหรือดินน้ำมัน

            วัสดุอุปกรณ์  ประกอบด้วย 1) ดินเหนียวหรือดินน้ำมัน  2) กระดาษ  ไม้  หรือไม้กระดานที่รองรับ 3) โต๊ะ  สำหรับวางเวลาปั้น

            วิธีทำ ครูเร้าให้เด็กเกิดความสนใจ  ให้ดูภาพหรือที่มาของดินและวัสดุ  เล่านิทาน  สนทนาถึงรูปร่างที่จะปั้น  เช่น  ข้าวของเครื่องใช้  หรือเรื่องรางประสบการณ์  ซึ่งวิธีการง่าย ๆ  คือ  ให้เด็กปั้นเป็นก้อนกลม  และถามว่าก้อนกลมเหล่านี้นำมาทำอะไรได้บ้าง

            ข้อเสนอแนะ ในการปั้นดินเหนียวและดินน้ำมัน  ใช้กรรมวิธีแบบเดียวกัน  สามารถปั้นได้ทั้งแบบนูนต่ำ  แบบนูนสูงและแบบลอยตัว  เพียงแต่คุณสมบัติของแต่ละวัสดุ 2 ประเภทนี้ไม่เหมือนกันตรงที่ดินน้ำมันสามารถเลือกสีได้  ซึ่งเด็กก็ชอบและไม่เปื้อนมืออีกด้วย

 

การปั้นกระดาษเปื่อยผสมแป้งเปียก

            วัสดุอุปกรณ์  ประกอบด้วย 1) กระดาษหนังสือพิมพ์ 2) แป้งเปียกหรือกาว 3) อ่างพลาสติก 4) น้ำ

วิธีทำ นำอ่างพลาสติกใส่น้ำ  ฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์  ยิ่งฉีกให้ฝอยได้ยิ่งดี  ฝึกเด็กให้ช่วยฉีกเพื่อบริหารกล้ามเนื้อมือ  แล้วแช่ในอ่างนำ  ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 วัน  คอยคนให้กระดาษเปื่อย เมื่อเปื่อยแล้วครูนวดผสมกับแป้งหรือกาว  ถ้าต้องการให้กระดาษเปื่อยเร็วก็ให้ต้ม  ใช้ตะแกรงกรองเอาแต่ตัวกระดาษ  ส่วนน้ำทิ้งไป  แป้งเปียก 1 ส่วน (ใช้น้ำ 3 ถ้วย ต่อแป้ง 1 ถ้วยต่อกระดาษเปื่อย 10 ส่วน  นวดให้เข้ากัน  แล้วปั้นให้เป็นรูปต่าง ๆ

การปั้นหน้ากาก

            วัสดุอุปกรณ์  ประกอบด้วย 1) ดินเหนียว  2) กระดาษสี 3) กระดาษหนังสือพิมพ์ 4) สีฝุ่น  หรือสีโปสเตอร์ 5) แป้งเปียก  6) น้ำ

วิธีทำ  นำดินเหนียวสะอาดที่ผ่านการเลือกเศษโคลนออกแล้ว  ปั้นเป็นรูปการ์ตูน  แม่มด  หรือหน้าสัตว์ต่างๆ  แต่ทำเพียงครึ่งส่วน  เมื่อปั้นเสร็จ  ตกแต่งให้ผิวเรียบแล้ว  ฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นชิ้นเล็ก ๆ  ชุบน้ำปะไปบนหน้ากากที่ปั้นไว้ให้เต็มประมาณ 3 ชั้น  หลังจากนั้นก็ฉีกกระดาษปะแป้งเปียกปิดอีกประมาณ 5-7 ชั้น  ขึ้นอยู่กับความหนา  ทิ้งไว้ให้แห้ง  นำสีฝุ่นผสมน้ำระบายบนใบหน้ากากตามต้องการ  เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง  ทาแล็กเกอร์ทับเพื่อไม่ให้สีหลุดออก

            ข้อเสนอแนะ การทำหน้ากากทำได้หลายแบบ  เช่น  หน้ากากผี  การ์ตูน  มิกกี้เมาท์  หรือหน้ากากนก  สัตว์ต่าง ๆ  เวลาแสดงละคร  ครูอาจจะร่วมกับเด็กจัดทำเองได้

การปั้นขี้เลื่อยผสมแป้งเปียก

              วัสดุอุปกรณ์  ประกอบด้วย  1) ขี้เลื่อย 4 ถ้วยตวง  2) แป้งเปียก 1 ½ ถ้วยตวง 3) เกลือเล็กน้อย 4) สีฝุ่น

            วิธีทำ ร่อนขี้เลื่อยเอาเฉพาะที่ละเอียด  ผสมขี้เลื่อยกับแป้งเปียกที่กวน  ใส่เกลือเล็กน้อย  การใส่เกลือทำให้เกิดความชื้น  นวดให้เข้ากัน  แล้วนำมาปั้นเช่นเดียวกับแป้งขนม  เมื่อปั้นเสร็จก็นำไปตากแห้ง  ระบายสีฝุ่น  ทิ้งให้แห้ง  แล้วทาแล็กเกอร์

            ข้อเสนอแนะ ควรให้เด็กช่วยในขั้นตอนการนวดขั้นตอน แต่ขณะทาแล็กเกอร์ไม่ควรให้เด็กทำ  เพราะการสูดดมทินเนอร์ทำให้เกิดอันตรายได้  

 

5. การพับ ฉีก ตัด ปะกระดาษ

เด็กเล็กๆ  นั้นจะเริ่มเรียนกระดาษจากการฉีกกระดาษก่อน เพราะทำได้ง่าย เป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อตามนิ้วมือ เมื่อเด็กฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้แล้ว ก็สามารถจะปะกระดาษที่ฉีกให้เป็นรูปร่างต่างๆ ตามใจชอบได้และเด็กสามารถเล่าเรื่องจากสิ่งที่ตนทำได้

คุณค่าของกิจกรรม

1. การควบคุมกล้ามเนื้อและตา

2. เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความรู้สึก

3. เปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์

4. ลดอารมณ์รุนแรงต่าง ๆ ลง

กิจกรรมเสนอแนะ

1. ฉีกกระดาษโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อทดลองดูว่าจะใช้อุปกรณ์ทำอะไรได้บ้าง

2. บอกชื่อรูปภาพที่เด็กฉีกได้

3. บอกหรือเล่าสิ่งที่เด็กฉีกให้ผู้อื่นเข้าใจได้

เดย์ (Day, 1988) เสนอว่า กิจกรรมการตัดปะอย่างง่ายสำหรับเด็กปฐมวัยนั้น ครูควรตัดรูปเรขาคณิตเก็บสะสมไว้ และตรียมอุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เพื่อให้เด็กสร้างและออกแบบจากรูปเรขาคณิตเป็นภาพตามความต้องการ

            ตัวอย่างกิจกรรมงานกระดาษสำหรับเด็ก  เช่น การสร้างภาพด้วยวิธีโมเสก การขยำกระดาษ

 

6. การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้

          การประดิษฐ์วัสดุเหลือใช้ คือ การนำเอาสิ่งของใช้แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์และมีความคิดสร้างสรรค์ ประดิษฐ์เป็นของเล่น ของใช้ ของตกแต่ง ของชำร่วย เป็นการฝึกฝนให้เด็กรู้จักการประหยัด รู้สึกเสียดายสิ่งของที่จะทิ้งไป เพราะรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นอาจนำมาประดิษฐ์เป็นของเล่นของใช้ได้ การมีประสบการณ์ในการทำวัสดุเหลือใช้มาเป็นประโยชน์ทำให้รู้คุณค่าของสิ่งของ ปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดี เกิดประสบการณ์และทักษะในการทำงานประดิษฐ์ เกิดความคิดสร้างสรรค์ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

แหล่งที่มาของวัสดุเหลือใช้

1. วัสดุที่ได้จากของเหลือใช้ในชีวิตประจำวันทุก ๆ คนเช่น กล่องสบู่ กล่องยาสีฟัน

2. วัสดุเหลือใช้ที่ได้จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เปลือกหอย ก้อนหิน

การพิจารณาวัสดุเหลือใช้ที่จะนำมาประดิษฐ์

1.วัสดุเหลือใช้นั้นจะต้องไม่แหลมคมและแตกง่าย

2.วัสดุเหลือใช้ไม่มีสารเคมีที่เป็นพิษเจือปน

3.วัสดุเหลือใช้จากทรัพยากรธรรมชาติ

ชนิดของเศษวัสดุ

เศษวัสดุที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างสรรค์งานจากเศษวัสดุ มีดังต่อไปนี้ คือ

1. วัสดุจากธรรมชาติ

    - วัสดุจากพืช  ได้แก่  กิ่ง  ก้าน  ลำต้น  ราก  ดอกไม้แห้ง-สด  เศษผ้า  ผลไม้แห้ง กาบมะพร้าว  เปลือกหมาก  ซังข้าวโพด  ฯลฯ

    - วัสดุจากสัตว์  ได้แก่  เปลือกหอย กระดองปู  เปลือกไข่  ขนสัตว์  เช่น  ขนเป็ด  ขนห่าน  ขนไก่  เศษหนังสัตว์ต่าง ๆ

     - เศษวัสดุอื่น ๆ  ได้แก่  ดิน  กรวด  ทราย  หินชนิดต่าง ๆ  ฯลฯ

2. วัสดุสังเคราะห์

    - เศษกระดาษต่างๆ ได้แก่ ปฏิทินที่ใช้แล้ว ปกหนังสือที่ไม่ใช้ กล่องกระดาษต่าง ๆ  กระดาษทรายที่ใช้แล้ว  กระดาษแข็ง และกระดาษอื่น ๆ

               - เศษวัสดุที่เป็นจำพวกพลาสติก  ได้แก่  หลอดกาแฟ  หลอดด้าย  กระดุม  หวี  ฯลฯ

   - เศษผ้า  เศษกระสอบ  เชือก  ด้ายต่าง ๆ  ฯลฯ

    - เศษวัสดุที่เป็นจำพวกโลหะ  ได้แก่  นอต  ตะปูเสีย ๆ  เศษสังกะสี  เข็มหมุด  เศษลวด  ทองเหลือง  ทองแดง  ฯลฯ

   - เศษวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ  เช่น  ฟองน้ำ  จุกไม้ก๊อก  อิฐ  เศษกระเบื้อง  ฯลฯ

            จะเห็นได้ว่า  เศษวัสดุต่าง ๆ  ที่ได้กล่าวมานี้  ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ใช้แล้วทั้งสิ้น  ถ้าเป็นวัสดุที่ยังใหม่  ยังไม่ได้ใช้  หรือใช้แล้วแต่ยังไม่เกิดความเสียหาย  คุณภาพยังใช้ได้ดีอยู่  เราก็จะไม่ถือว่าเป็นเศษวัสดุ

 

ประเภทของงานออกแบบสร้างสรรค์จากเศษวัสดุ

1. การทำภาพปะติดด้วยกระดาษ เช่น การสร้างภาพปะด้วยภาพถ่าย การสร้างภาพปะติดด้วยวิธีการพับกระดาษ การสร้างภาพปะติดด้วยวิธีการขยุ้มกระดาษ การสร้างภาพปะติดด้วยเส้นเชือกและเศษผ้า การสร้างภาพปะติดด้วยวัสดุที่ได้มาจากธรรมชาติ เป็นต้น

2. งานโครงสร้างจากกระดาษ เช่น โครงสร้างกระดาษม้วน โครงสร้างโดยการต่อกระดาษแข็ง โครงสร้างกล่องกระดาษ เป็นต้น

3. งานโครงสร้างจากเศษวัสดุต่างๆ เช่น โครงสร้างที่ทำจากไม้ โครงสร้างที่ทำจากการขดลวด โครงสร้างที่ทำจากการขดลวดผสมปูนปลาสเตอร์ โครงสร้างที่ทำจากงานเหล็ก เป็นต้น

4. ของเล่นจากกระดาษ เช่น หน้ากากถุง ตุ๊กตากระดาษ เป็นต้น  

            กิจกรรมการประดิษฐ์เศษวัสดุอย่างง่ายสำหรับเด็ก  เช่น กิจกรรมประดิษฐ์ตกแต่งจากขวด  การร้อยเชือก / การร้อยลูกปัด การสร้างเมืองจากเศษวัสดุ

            กิจกรรมศิลปะสามารถจัดได้หลายรูปแบบ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับวัยและพัฒนาการของเด็กเป็นสำคัญ เพื่อเด็กจะได้รับพัฒนาการอย่างกว้างขวาง ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ทำให้เด็กได้ใช้กล้ามเนื้อแขน มือ นิ้ว ช่วยพัฒนาทักษะการใช้สรีระพื้นฐานให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ หากเด็กได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย การควบคุมกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหว ตลอดจนการปรับตัวทางสังคม จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางอารมณ์ที่สมบูรณ์ สบาย ผ่องใส เปล่งปลั่ง ส่งผลต่อเนื่อง คือ เมื่อเด็กมีอารมณ์จิตใจที่สมบูรณ์ย่อมนำไปสู่การพัฒนาปัญญา ความคิดและจินตนาการที่ดีต่อไป


ที่มา: ทิพจุฑา  สุภิมารส. (2561). ศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย. สุรินทร์ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น