หน้าเว็บ

7.การจัดแสดงผลงานศิลปะของเด็ก


การแสดงผลงานศิลปะของเด็กปฐมวัย


สารบัญ

1. ความเป็นมาของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

2. ความหมายสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

3. ความสำคัญของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

4. วัตถุประสงค์ในการสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

5. ประเภทของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

6.สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อการศึกษา

          ประเภทสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อการศึกษา

                    - สารนิทัศน์ในห้องเรียน

                    - สารนิทัศน์นอกห้องเรียน

                    - สารนิทัศน์ในระบบโรงเรียน

                    - สารนิทัศน์นอกระบบโรงเรียน

7. สารนิทัศน์จากผลงานเด็กปฐมวัย        

8. บทสรุป




ความเป็นมาของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

         ระบุว่าเป็นข้อมูลหลักฐานที่อาจเป็นลายมือที่เขียน ภาพเขียน ผลงาน คำพูด การกระทำ ฯลฯ ซึ่งข้อมูลหลักฐานดังกล่าว ในสมัยโบราณถูกมนุษย์คิดค้นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น บันทึกไว้ที่ผนังถ้ำ บันทึกลงใบลาน ฯลฯ เมื่อมีการคิดค้นผลิตกระดาษขึ้นจึงบันทึกบนกระดาษโดยในระยะเริ่มต้นเรามีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ในแฟ้มข้อมูลหรือในรูปแฟ้มเอกสาร จ่อมามีเทคโนโลยีต่าง ๆเริ่มพัฒนาขึ้น เช่น เครื่องบันทึกเสียง เครื่องบันทึกภาพ กล้องถ่ายรูป คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ทำให้การเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆในชีวิตประจำวันมีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

          สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเกิดจากแนวคิดของกลุ่มพิพัฒนิยม อาทิ ดิวอี้ พีอาเจท์  ไวก็อตสกี มาลากุชชี ที่เน้นให้เด็กสร้างองค์ความรู้ด้วยการลงมือกระทำ ครูปฐมวัยที่รับแนวคิดของกลุ่มพิพัฒนิยม เช่นครูในโรงเรียนของ เรกจิโอ เอมิเลีย จึงจัดประสบการณ์ที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง และมีประสบการณ์ในการเก็บข้อมูลเป็นลักฐานแสดงให้เห็นทั้งกระบวนการ และผลของการจัดประสบการณ์ของตนกับเด็ก และการเรียนรู้ของเด็ก ทำให้เด็กเห็นความทรงจำที่เป้นรูปธรรมมากกว่าว่าตนพูดอะไร ทำอะไร เพื่อก้าวไปสู่การเรียนรู้ชั้นต่อไป  ทำให้นักการศึกษามีเครื่องมือศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาและปรับปรุงตนเอง

          ในประเทศไทย สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยปรากฏในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546  ที่ระบุแนวทางการจัดประสบการณ์ให้ครูปฐมวัยจัดทำสารนิทัศน์ ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล นำมาไตร่ตรองและใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน อีกทั้งมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยเพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาปฐมวัย ระบุมาตรฐานด้านการจัดการศึกษาไว้ในมาตรฐานที่ 5 ที่ให้ครูปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล


ความหมายของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

“สารนิทัศน์”เป็นคำที่ชัยยงค์พรหมวงศ์นักการศึกษาไทยใช้เรียกในความหมายของคำในภาษาอังกฤษว่า“ Documentation” สารนิทัศน์ประกอบด้วยคำว่า“ สาระ” หมายถึงส่วนสำคัญถ้อยคำและคำว่า“ นิทัศน์” หมายถึงตัวอย่างที่นำมาแสดงให้เห็น (พัชรีผลโยธิน2543: 100) ทั้งนี้มีผู้ให้ความหมายของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยไว้ดังนี้

แคทซ์และชาร์ด(Katz &Chard,1996:1)ให้ความหมายสารนิทัศน์ว่าหมายถึงตัวอย่างงานเด็กภาพถ่ายงานเด็กที่แสดงความก้าวหน้าข้อคิดเห็นของครูและผู้เกี่ยวข้องกับเด็กบทสนทนาอภิปรายของเด็กรวมทั้งการแสดงความคิดเห็นและบรรยายให้เห็นความมุ่งมั่นในการทำกิจกรรมและการแสดงความคิดเห็นของพ่อแม่ผู้ปกครอง

เฮล์มเบเนเก้และสไตน์เฮเมอร์ (Helm, Beneke & Steinheimer, 2007 cited in Helm, 2010: 15) ได้ให้ความหมายสารนิทัศน์ว่าหมายถึงการจัดให้มีข้อมูลหลักฐาน (The provision of evidence) และหลักฐานนั้นจะต้องแสดงให้เห็นถึงการเติบโตในความรู้(growth in knowledge)ทักษะ(Skils) และจิตนิสัย (dispositions) ของเด็ก

มาร์เทลล่า (Martella,2010:43) ได้ให้ความหมายของคำสำคัญ“ สารนิทัศน์” ที่เชื่อมโยงไปถึงมาตรฐานและการวัดประเมินสำหรับเด็กปฐมวัยว่าหมายถึงกระบวนการในการติดตามและรักษาผลงานเด็กสำหรับเป็นหลักฐานความก้าวหน้าของตัวเด็กและการพัฒนาการจัดโปรแกรมสำหรับเด็กปฐมวัย

ดาลเบิร์กมอสและเพนซ์ (Dahlberg, Moss & Pence, 1999 cited in O'Neill, 2013: 1) ให้ความหมายของสารนิทัศน์ในมุมมองของวิชาครูหรือการสอนว่าสารนิทัศน์เป็นได้ทั้งกระบวนการและเนื้อหาภายในกระบวนการนั้นคือ

1. ส่วนที่เป็นเนื้อหา (Content) คือหลักฐานต่างๆที่บันทึกสิ่งที่เด็กพูดและกระทำซึ่งการรวบรวมเนื้อหานี้สามารถทำได้หลายรูปแบบอาจเป็นลายมือที่เด็กเขียนภาพเขียนภาพถ่ายการบันทึกเสียงการบันทึกภาพและตัวอย่างผลงานเด็ก

 2. ส่วนที่เป็นกระบวนการ (Process) คือการสะท้อนความคิดต่อหลักฐานเป็นความร่วมมือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือแนวคิดทฤษฎีของนักการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งพ่อแม่และตัวเด็กปฐมวัยเองทั้งนี้อาจจะสะท้อนความคิดคนเดียวหรือสะท้อนความคิดกับบุคคลอื่น

รินาลดิ (Rinaldi, 1994 cited in Wurm, 2005: 98) ให้ความหมายสารนิทัศน์ว่าหมายถึงกระบวนการรวบรวมหลักฐานและสิ่งที่เกิดขึ้นภายในชั้นเรียนรวมทั้งหลักฐานทางกายภาพและวัตถุที่เด็กสร้างขึ้นการไตร่ตรองและการวิเคราะห์สิ่งที่รวบรวมและการนำเสนอสิ่งที่รวบรวมทั้งหมดหรือบางส่วนแก่เด็กครูและผู้ใหญ่อื่นรวมทั้งครอบครัวและผู้ชมด้วยวิธีการที่ทำให้เห็นการเรียนรู้ของเด็กได้ชัดเจนตัวอย่างเช่นบอร์ดสารนิทัศน์วิดีโอวัตถุที่เป็นผลผลิตของเด็กพร้อมการสังเกตหรือสไลด์แสดงกระบวนการ 

บุษบงตันติวงศ์ (2541: 41) ให้ความหมายสารนิทัศน์ว่าหมายถึงการจัดระบบหลักฐานเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็กและการสอนของครูตามหลักการประเมินตามสภาพจริงและหลักการสอนแบบโครงการพัชรีผลโยธิน (2543: 100-101) ให้ความหมายสารนิทัศน์ว่าหมายถึงส่วนสำคัญที่นำมาเป็นตัวอย่างแสดงให้ผู้อื่นเห็นหรือการจัดทำข้อมูลที่จะเป็นหลักฐานหรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโตพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทำกิจกรรมของเด็กทั้งที่เป็นรายบุคคลและเป็นรายกลุ่มเกสรกอทอง (2545) ให้ความหมายสารนิทัศน์ว่าหมายถึงผลงานหรืองานที่เกิดจากการกระทำของเด็กที่เป็นตัวอย่างการแสดงออกถึงความสามารถของเด็กที่กระทำโดยตัวเด็กเองในกิจกรรมการเรียนการสอนที่โรงเรียนบันทึกการบอกเล่าของเด็กโดยครูรวมถึงการบันทึกของครูที่ได้จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กในขณะทำกิจกรรม

สรุปได้ว่าสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยหมายถึงข้อมูลที่เป็นหลักฐานอาจเป็นคำพูดการกระทำผลงานของเด็กหรือการสะท้อนตนเองของเด็กและผู้เกี่ยวข้องสะท้อนความคิดเกี่ยวกับเด็กรวมถึงการจัดทำหลักฐานแสดงให้เห็นการเจริญเติบโตพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

https://www.stou.ac.th/Offices/rdec/Lampang/main/ebook/21005/21005-13.pdf


ความสําคัญของสารนิทัศน์สําหรับเด็กปฐมวัย

สารนิทัศน์มีความสําคัญต่อเด็กปฐมวัยและผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยหลายประการ (Katz & Chard, 1996 Booker, Carter & Nimmo, 1999, ศิรประภา พงศ์ไทย 2542, พัชรี ผลโยธิน 2543) ดังนี้
1. ช่วยทําให้ค้นพบ และเห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยอย่างชัดเจนทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา ซึ่งไม่สามารถเห็นได้ในแบบทดสอบมาตรฐานและแบบสังเกตรายการ
2. ช่วยสร้างเสริมการเรียนรู้ของครู ทําให้ครูเข้าใจพัฒนาการและการเรียนรู้ที่มีความหมายและเป็นรูปธรรม ของเด็กปฐมวัย รวมทั้งเห็นกระบวนการเรียนรู้ของตนเองในการจัดการชั้นเรียน การจัดประสบการณ์ การประเมินจาก สภาพจริง ตลอดจนพฤติกรรมปฏิสัมพันธ์กับเด็ก
3. ช่วยให้ได้ข้อมูลที่นําไปใช้ในการพิจารณาสร้างเสริมพฤติกรรม และการเรียนรู้สําหรับเด็กปฐมวัย ทั้ง การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ทําให้เด็กปฐมวัยพัฒนาทั้งด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และ สติปัญญา
4. ช่วยเชื่อมโยงหลักการทฤษฎีสู่การปฏิบัติ ทําให้ผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัยตระหนักถึงสิ่งที่ตน ปฏิบัติ เข้าใจตนเอง และมีทิศทางในอนาคต โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง และชุมชนมีความเชื่อ ศรัทธาต่อระบบการ เรียนการสอนแบบยึดผู้เรียนเป็นสําคัญ
5. ช่วยทําให้ผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยกําหนดเป้าหมายบทบาทในการพัฒนา และการประเมินตนเองตาม - บริบทที่เป็นจริง ทําให้เกิดแรงจูงใจภายใน มีความตื่นตัว และกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาเด็ก ปฐมวัยและวิชาชีพของตนเองอย่างสม่ําเสมอ
6. ช่วยสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ที่เข้มแข็งให้กับครอบครัว สถานศึกษา และชุมชน ได้เห็นวิถีทางที่ เด็กปฐมวัยเรียนรู้ เจริญเติบโต และเกิดพัฒนาการในด้านต่างๆ สารนิทัศน์ช่วยให้สถาบัน ดังกล่าวตระหนักใน ประสบการณ์ที่เด็กได้รับ ทําให้ต้องทบทวนบทบาทของตนในการพัฒนาเด็ก เช่นบทบาทการเป็นพ่อแม่ ครู ฯลฯ และ มุมมองเกี่ยวกับประสบการณ์ความเป็นอยู่ในชีวิตของเด็ก นอกจากนี้ การแสดงความคิดเห็นในงานของเด็กยังช่วย ทําให้สารนิทัศน์มีคุณค่ายิ่งขึ้น
7. ช่วยพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาได้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง สนองความต้องการในการประกัน คุณภาพ และการปฏิรูปการพัฒนาวิชาชีพของครู เป็นหลักฐานการประกันคุณภาพของการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย ภายในสถานพัฒนาเด็ก หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยได้เป็นอย่างดี

สรุปได้ว่า สารนิทัศน์สําหรับเด็กปฐมวัยมีความสําคัญหลายประการ อาทิ ช่วยให้เห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ ของเด็กปฐมวัยอย่างชัดเจนทุกด้าน ทําให้ครูเข้าใจพัฒนาการและการเรียนรู้ที่มีความหมาย และเป็นรูปธรรมของเด็ก ปฐมวัย ช่วยให้ข้อมูลที่นําไปใช้ในการพิจารณาสร้างเสริมพฤติกรรมและการเรียนรู้สําหรับเด็กปฐมวัย



วัตถุประสงค์ในการจัดทำสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

               การจัดทำสารนิทัศน์ที่หลากหลาย จะช่วยครูในแง่ของการตรวจสอบคุณภาพของการศึกษาที่ดี เนื่องจากการศึกษาในปัจจุบันเน้นการประเมินเพื่อตรวจสอบความเข้มแข็งของการศึกษา ซึ่งส่งผลให้โรงเรียนและหน่วยงานที่จัดโปรแกรมการศึกษาปฐมวัย ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดการศึกษาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้บางหน่วยงานนำแบบทดสอบมาตรฐานซึ่งไม่เหมาะสมมาประเมินเด็กปฐมวัย ครูที่จัดทำสารนิทัศนอ์ย่างสม่ำเสมอ จะจัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้สอดคล้องปัญหาและพัฒนาการเด็ก ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสมองอย่างชัดเจน สารนิทัศน์สามารถช่วยครูให้จัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้ตรงประเด็น เนื่องจากงานวิจัยเกี่ยวกับสมองพบว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้ได้ดี หากเข้าไปมีส่วนร่วมและลงมือปฏิบัติ กระบวนการเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับความรู้สึกและอารมณ์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ของเด็ก ครูจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อจัดทำสารนิทัศน์ เพราะจะมีการวางแผนทั้งด้านการจัดชั้นเรียน การตัดสินใจว่าจะทำอะไรก่อนหลัง รวมถึงการใช้คำถามเพื่อกระตุ้นเด็ก เนื่องจากครูมีข้อมูลและสารสนเทศที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดทำสารนิทัศน์ช่วยให้ครูรู้ว่าเด็กรู้อะไรมาบ้างแล้ว จะช่วยให้ครูก้าวถึงขั้นต่อไปของเด็กได้ง่ายขึ้น สนองตอบความต้องการของเด็กได้อย่างสอดคล้องและสิ่งที่ต้องการพัฒนา อย่างแท้จริงสารนิทัศน์ช่วยให้ครูบรรลุความต้องการเฉพาะของเด็กได้ดีกว่า เนื่องจากปัจจุบันเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ในระบบการศึกษาปกติมีมากขึ้น ทั้งเด็กที่มีความสามารถพิเศษ เด็กพิการทางกาย เด็กที่มีปัญหาทางการ เรียนรู้ ข้อมูลที่ครูได้จากสารนิทัศน์จะช่วยให้ครูเข้าใจและวางแผนให้ เด็กได้ เหมาะสมยิ่งขึ้น เด็กรับรู้ความสำคัญของการเรียนรู้ เมื่อครูเก็บบันทึกสารนิทัศน์การเรียนรู้ของตัวเด็กเองรวมถึงการรวบรวมผลงานการจัดทำสารนิทัศน์ของเด็กที่ร่วมชั้นเรียน การแสดงผลงานที่ส่งเสริมให้เด็กได้แสดงสิ่งที่ตนเรียนรู้จากประสบการณ์การค้นพบด้วยตนเองหรือกับกลุ่ม ส่งผลให้เด็กเอาใจใส่รับผิดชอบการทำงาน รู้จักประเมิน ตนเอง แสดง ออกถึงความพึงพอใจในกระบวนการเรียนรู้และผลที่ได้รับ เด็กเริ่มเรียนรู้ว่าจะทำอะไร และจะนำเหตุการณ์หรือสิ่งที่ตนเรียนรู้ เรื่องใดมานำเสนอและร่วมจัดทำสารนิทัศน์กับเพื่อนและครูในชั้นเรียน การจัดสารนิทัศน์ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจในพัฒนาการของเด็ก ตระหนักในประสบการณ์ การเรียนรู้ของเด็กขณะอยู่ที่โรงเรียน และสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของโรงเรียนได้หลายทาง เช่น รับฟังความคิดเห็นของเด็ก ช่วยเด็กทำวัสดุอุปกรณ์ที่เด็กต้องการ ให้ข้อเสนอแนะช่วยเขียนในสิ่งที่เด็กคิด อ่านหนังสือให้เด็กฟัง เป็นต้น ทำให้มีโอกาสทบทวนบทบาทการเป็นพ่อแม่ ดังนั้นข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของพ่อแม่ผู้ปกครองเกี่ยวกับผลงานของเด็กจึงถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าที่ครูไม่ควรมองข้าม

https://gift191240.blogspot.com/p/blog-page_7.html


ประเภทของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย

          การจัดทำสารนิทัศน์ (Documentation) เป็นการจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐานหรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรูข้องเด็กปฐมวัยจากการทำกิจกรรมทั้ง รายบุคคลและรายกลุ่ม ซึ่งหลักฐานและข้อมูลที่บันทึกเป็นระยะๆ จะเป็นข้อมูลอธิบายภาพเด็ก สามารถบ่งบอกถึงพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย อารมณ์สังคม และสติปัญญา สารนิทัศน์เป็นการประมวลผลที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูและร่องรอยผลงานของเด็ก จากการทำกิจกรรมที่สะท้อนถึงพัฒนาการในด้านต่างๆ การจัดทำสารนิทัศน์จึงเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการวัดและประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย ซึ่งมี 5 ประเภท ได้แก่

                    สารนิทัศน์ประเภทที่ 1 การบรรยายเรื่องราวหรือประสบการณ์ เช่น การสอนแบบโครงการ (Project Approach) สามารถให้สารนิทัศน์เกี่ยวกับพัฒนาการเด็กทุกด้าน ทั้งประสบการณ์การเรียนรู ้ของเด็กและการสะท้อนตนเองของครู รูปแบบการบรรยายเรื่องราวจึงมีหลายรูปแบบ อาจได ้จากการบันทึกการสนทนาระหว่างเด็กกับครูเด็กกับเด็ก การบันทึกของครูการบรรยายของพ่อแม่ผู้ปกครองในรูปแบบหนังสือหรือจดหมาย แม้กระทั่งการจัดแสดงบรรยายสรุปให้เห็นภาพการเรียนรู้ทั้งหมด

 

ภาพที่ 1 สารนิทัศน์การบรรยายเรื่องราวหรือประสบการณ์

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

 

ภาพที่ 2 สารนิทัศน์การบรรยายเรื่องราวหรือประสบการณ์

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

 

                    สารนิทัศน์ประเภทที่ 2 การสังเกตพัฒนาการเด็ก เช่น ใช้แบบสังเกตพัฒนาการ การบันทึกสั้น เป็นต้น การสะท้อนตนเองของเด็ก เป็นคำพูดหรือข้อความที่สะท้อนความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึกจากการสนทนา การอภิปรายแสดงความคิดเห็นของเด็กขณะทำกิจกรรม ซึ่งอาจบันทึกด้วยแถบบันทึกเสียงหรือแถบ บันทึกภาพ

 

ภาพที่ 3 สารนิทัศน์การสังเกตพัฒนาการเด็ก

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

ภาพที่ 4 สารนิทัศน์การสังเกตพัฒนาการเด็ก

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

 

                    สารนิทัศน์ประเภทที่ 3 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)

                              1. แฟ้มสะสมงานสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสอนเป็นรายบุคคลได้เป็นอย่างดี เพราะนักเรียนแต่ละคนจะมีแฟ้มสะสมงานเป็นของตนเอง มีการสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง ครูจะทราบ จุดเด่นและจุดด้อยของนักเรียนแต่คนจากแฟ้มสะสมงานผลงาน

                              2. แฟ้มสะสมงานจะเน้นจุดเด่นมากกว่าจุดด้อยของนักเรียน ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนเกิดความชื่นชมในผลงานของตนเอง สำหรับจุดอ่อนนั้น ครูก็จะนำไปวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การทดสอบแบบเดิมมักตรวจหาความผิดพลาด หรือข้อบกพร่องของนักเรียน

                              3.  แฟ้มสะสมงานจะเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งนักเรียนจะเป็นผู้วางแผนลงมือทำผลงาน ประเมินและปรับปรุงผลงานด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยมีครูจะช่วยชี้แนะ นักเรียนเป็นเจ้าของผลงาน เจ้าของแฟ้มสะสมงาน ผลงานของนักเรียนต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสภาพชีวิตจริงๆ

                              4. แฟ้มสะสมงานช่วยสื่อความหมายในเรื่องความรู้ ความสามารถ และทักษะของนักเรียนในเรื่องต่างๆ รวมทั้งความก้าวหน้าและพัฒนาการของนักเรียนแก่คนอื่น เช่น ผู้ปกครอง นักแนะแนว ครูผู้สอน และผู้บริหารโรงเรียนได้เป็นอย่างดี

                              5. การประเมินโดยใช้แฟ้มสะสมงานยังมีปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น หรือความเห็นที่สอดคล้องกันในการประเมิน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการกำหนดเกณฑ์ในการประเมินไม่ค่อยชัดเจน หากผู้ประเมินยึดองค์ประกอบของการประเมินต่างกัน จะมีผลทำให้ความเชื่อมั่น หรือความสอดคล้องของการประเมินมีค่าต่ำ

 

ภาพที่ 5 สารนิทัศน์แฟ้มสะสมผลงาน

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

 

                    สารนิทัศน์ประเภทที่ 4 ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม

                              1. แสดงให้เห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ทั้งในด้านความรู้ทักษะและเจตคติของเด็ก โดยครูจะนำผลงานเด็กมาวิเคราะห์พัฒนาการและการเรียนรู้จากกระบวนการทำงานและผลงานของเด็กผ่านการทำโครงงาน

                              2. การเก็บผลงานคนมีหลากหลายประเภททั้งผลงานการเขียนผลงานศิลปะ ผังใยแมงมุมที่แสดงการร่วมกันระดมความคิดหรือแผนภาพ ภาพร่างชิ้นงานหรือสิ่งประดิษฐ์

          ที่แสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ ความสามารถ ทักษะจิตนิสัยของเด็ก ครูที่ชำนาญจะนำผลงานของเด็กมาใช้ดูพัฒนาการและกระบวนการทำงานของเด็ก ครูส่วนใหญ่มักจะเก็บผลงาน

ภาพที่ 6 สารนิทัศน์ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

ภาพที่ 7 สารนิทัศน์ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่ม

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

         

                    สารนิทัศน์ประเภทที่ 5 การสะท้อนตนเอง

                              การสะท้อนตัวตนของเด็กสามารถบันทึกไว้โดยการเขียนด้วยลายมือบันทึกเสียงพูดของเด็กบันทึกวิดีโอหรือในรูปแบบอื่น เช่น ครูนำคำพูดของเด็กมาอภิปรายและให้เด็กร่วมกันไตร่ตรองคำพูดของตนเองกับเด็กคนอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ แต่ไม่ว่าจะนำเสนอในรูปแบบใดก็ตามควรพิจารณาให้เชื่อมโยงหรือสอดคล้องกับหน้าต่างการเรียนรู้ที่ต้องการนำเสนอ

ภาพที่ 8 สารนิทัศน์การสะท้อนตนเอง

(ที่มา: https://www.google.com/url?)

ภาพที่ 9 สารนิทัศน์การสะท้อนตนเอง

(ที่มา: https://www.google.com/url?)


6.สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อการศึกษา

          ประเภทสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อการศึกษา

                    - สารนิทัศน์ในห้องเรียน

          สารนิทัศน์การจัดทำข้อมูลที่เป็นหลักฐานหรือแสดงให้เห็นร่องรอยของการเจริญเติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทำกิจกรรมทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม  หลักฐานและข้อมูลดังกล่าวที่บันทึกเป็นระยะๆจะเป็นข้อมูลอธิบายภาพเด็กที่บ่งบอกถึงพัฒนาการของเด็กได้ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมสติปัญญา ตลอดจนการเรียนรู้ทั้งในด้านความรู้ ทักษะและเจตคติ สะท้อนพัฒนาการและการเรียนรู้ที่บรรลุมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหลักสูตรและตัวชี้วัดตามมาตรฐานการเรียนรู้

 



ภาพที่ 10 กิจกรรมสารนิทัศน์ Project Approach
(ที่มา : http://www.abpk.ac.th/ece/photo/item/333-openhouse20)
 

                    - สารนิทัศน์นอกห้องเรียน)

          สารนิทัศน์จัดแสดงข้อมูลหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก โดยพิจารณาว่าข้อมูลใด แบบใดควรนำมาแลกเปลี่ยนและนำมาจัดแสดงให้เห็นพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก และให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกผลงานของตนหรือของกลุ่ม มีการสะท้อนความคิด และร่วมจัดตรียมแสดงข้อมูลดังกล่าวโดยอาจจะเป็นบอร์ดสารนิทัศน์ หรือ นิทรรศการ


ภาพที่ 11 สารนิทัศน์นอกห้องเรียน
(ที่มา : https://slideplayer.in.th/slide/2861942/)

ภาพที่ 12 กิจกรรมสารนิทัศน์แผนกปฐมวัยโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา

(ที่มา : http://www.as.ac.th/Activities/Activities2562/)

                    - สารนิทัศน์ในระบบโรงเรียน

          สารนิทัศน์จัดเพื่อแสดงคุณภาพของการจัดการศึกษาปฐมวัย เพื่อเสริมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย เพื่อเห็นภาพการพัฒนาและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย เพื่อวัดและประเมินเด็กปฐมวัย เพื่อสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย และเพื่อพัฒนาวิชาชีพของผู้เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยในสถานศึกษา


ภาพที่ 13 กิจกรรมสารนิทัศน์ Project Approach
(ที่มา : http://www.abpk.ac.th/ece/photo/item/333-openhouse20)
 

                    - สารนิทัศน์นอกระบบโรงเรียน

          สารนิทัศน์ที่หาชมได้ภายนอกโรงเรียน อาจจะเป็นสารนิทัศน์ที่จะไว้แบบถาวรหรือจัดไว้แบบชั่วคราว เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ  พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง  พิพิธภัณฑ์ชาวนา  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ฯลฯ

 

ภาพที่ 14 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จังหวัดหนองคาย
(ที่มา http://i-san.tourismthailand.org/557/)

 


ภาพที่ 15 พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง
(ที่มา : https://www.voicetv.co.th/read/1855)


สารนิทัศน์จากผลงานเด็กปฐมวัย ดังภาพต่อไปนี้

ภาพที่ 16 เด็กถือผลงานที่ตัวเองทำ
(ที่มา http://www.as.ac.th/Activities/Activities2562/05)

ภาพที่ 17 เด็กทำกิจกรรมสารนิทัศน์จากผลงานเด็ก
(ที่มา http://www.as.ac.th/Activities/Activities2562/05)

ภาพที่ 18 ภาพผลงานของเด็ก
(ที่มา http://www.as.ac.th/Activities/Activities2562/05)

ภาพที่ 19 ภาพผลงานของเด็ก
(ที่มา https://www.google.co.th/search?q)

ภาพที่ 20 กิจกรรมสารนิทัศน์
(ที่มา http://www.abpk.ac.th/ece/photo/item/333-openhouse20#gallery2584732e8e-1)

ภาพที่ 21 กิจกรรมสารนิทัสน์
(ที่มา http://www.abpk.ac.th/ece/photo/item/333-openhouse20#gallery2584732e8e-1)


บทสรุป

ความเป็นมาของสารนิทัศน์ระบุว่าเป็นข้อมูหลักฐานที่อาจเป็นลายมือที่เขียน ภาพเขียน ผลงาน คำพูด การกระทำ ฯลฯ สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเกิดจากแนวคิดของกลุ่มพิพัฒนิยม อาทิ ดิวอี้ พีอาเจท์  ไวก็อตสกี มาลากุชชี ที่เน้นให้เด็กสร้างองค์ความรู้ด้วยการลงมือกระทำ ในประเทศไทย สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยปรากฏในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546  ที่ระบุแนวทางการจัดประสบการณ์ให้ครูปฐมวัยจัดทำสารนิทัศน์ ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล นำมาไตร่ตรองและใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน

สารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยหมายถึงข้อมูลที่เป็นหลักฐานอาจเป็นคำพูดการกระทำผลงานของเด็กหรือการสะท้อนตนเองของเด็กและผู้เกี่ยวข้องสะท้อนความคิดเกี่ยวกับเด็กรวมถึงการจัดทำหลักฐานแสดงให้เห็นการเจริญเติบโตพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย

วัตถุประสงค์ในการสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย จะช่วยครูในแง่ของการตรวจสอบคุณภาพของการศึกษาที่ดี ครูที่จัดทำสารนิทัศนอ์ย่างสม่ำเสมอ จะจัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้สอดคล้องปัญหาและพัฒนาการเด็ก ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสมองอย่างชัดเจน สารนิทัศน์สามารถช่วยครูให้จัดประสบการณ์ให้กับเด็กได้ตรงประเด็น การจัดสารนิทัศน์ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีความรู้ความเข้าใจในพัฒนาการของเด็ก ตระหนักในประสบการณ์ การเรียนรู้ของเด็กขณะอยู่ที่โรงเรียน

ประเภทของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยมี 5 ประเภท ได้แก่ สารนิทัศน์ประเภทที่ 1 การบรรยายเรื่องราวหรือประสบการณ์ เช่น การสอนแบบโครงการ เรื่องราวจากการบันทึกการสนทนาระหว่างเด็กกับครูเด็กกับเด็ก ผู้ปกครองกับเด็ก สารนิทัศน์ประเภทที่ 2 การสังเกตพัฒนาการเด็ก เช่น ใช้แบบสังเกตพัฒนาการสารนิทัศน์ประเภทที่ 3 แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) สารนิทัศน์ประเภทที่ 4 ผลงานรายบุคคลและรายกลุ่มสารนิทัศน์ประเภทที่ 5 การสะท้อนตนเอง อื่น เช่น ครูนำคำพูดของเด็กมาอภิปรายและให้เด็กร่วมกันไตร่ตรองคำพูดของตนเองกับเด็กคนอื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการ แต่จะนำเสนอในรูปแบบใดก็ตามควรพิจารณาให้เชื่อมโยงหรือสอดคล้องกับหน้าต่างการเรียนรู้ที่ต้องการนำเสนอ

ประเภทสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อการศึกษา สารนิทัศน์ในห้องเรียน สารนิทัศน์นอกห้องเรียน สารนิทัศน์ในระบบโรงเรียน สารนิทัศน์นอกระบบโรงเรียน



เอกสารอ้างอิง

จันจิรา พัลเรืองศิลป์. [2562]. สารนิทัศน์การสังเกตพัฒนาการเด็ก.

       ที่มา https://gift191240.blogspot.com/p/blog-page_7.html

นภสร  พรหมณี. [2560]. สารนิทัศน์แฟ้มสะสมผลงาน.

       ที่มา https://sites.google.com/site/napa456780/khxmul-thawpi

ปิ่นทอง  นันทะลาด.[2560].การแสดงผลงานศิลปะของเด็กปฐมวัย.

          ที่มา : http://portal5.udru.ac.th/ebook/pdf/upload/18t1z4SzWnaw4W18S11L.pdf

พัชรี ผลโยธิน. [2543]. ประเภทของสารนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัย.

        ที่มา : https://www.stou.ac.th/Offices/rdec/Lampang/main/ebook/21005/21005-13.pdf 

วิจัยในชั้นเรียนเอกสารหมายเลข 1.สารนิทัศน์ประเภทที่ 1 การบรรยายเรื่องราวหรือประสบการณ์. 

        ที่มา : https://child.dusit.ac.th/wpcontent/uploads/2015/11/pdf

อรพรรณ  บุตรกตัญญู. [2558]. การจัดสารนิทัศน์ (DOCUMENTATION).

          ที่มา : https://slideplayer.in.th/slide/2861942/



3 ความคิดเห็น:

  1. - ให้ปรับหัวข้อ ปรับแหล่งที่มา เอาตัวที่ 1 ออก ควรสืบค้นจากเอกสาร ตำรา หนังสือหลักที่มีการเรียบเรียง ตีพิมพ์เผยแพร่
    - ส่งงานแก้ไข ครั้งที่ 2 มาได้แล้วค่ะ / ครูยังไม่เห็นส่งมานะคะ

    ตอบลบ
  2. นักศึกษาสามารถใช้เค้าโครงเอกสารนี้ได้ค่ะ
    [ หัวข้อตามที่เสนอเป็นสารบัญ ]
    1. ความหมาย 2. ความสำคัญ 3. จุดประสงค์ในการจัดนิทรรศการผลงานเด็กปฐมวัย
    4. ประวัติของการจัดนิทรรศการ 5. การจัดนิทรรศการเพื่อการศึกษา
    6. ประเภทของการจัดนิทรรศการเพื่อการศึกษา
    7. การจัดนิทรรศการผลงานเด็กปฐมวัย
    8. การจัดนิทรรศการจากผลงานเด็กปฐมวัย
    หัวข้อท้าย ๆ ควรเสนอให้มีรายละเอียด มีตัวอย่าง (จากหลายแหล่งข้อมุล)
    และ เชื่อมโยงไปถึงการจัดแสดงผลงานเด็กรูปแบบต่างๆ เพิ่มเติมด้วย
    สรุปคำแนะนำ คือ สามารถใช้เป็นเอกสารหลักได้
    แต่ไม่ควร “คัดลอก” มาทั้งหมดจากเอกสารเพียงแหล่งเดียว
    ควรมีการเรียบเรียงหรือร้อยเรียงเนื้อหาขึ้นใหม่
    > การร้อยเรียง หมายถึง การจัดประเด็นหลัก ประเด็นรอง การยกตัวอย่าง/หรือการประยุกต์ใช้ในสภาพจริงซึ่งส่วนนี้อาจจะเป็นข้อมูลที่สืบค้นเพิ่มเติมมาจากงานวิจัยหรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ การสัมภาษณ์หรือศึกษาจากสภาพห้องเรียนจริงก็สามารถนำมาใช้ได้ดีค่ะ
    >> การทำงานในลักษณะนี้ จึงเรียกว่าเป็นการศึกษาค้นคว้าและ นำเสนอผลงานจากการศึกษาค้นคว้าของกลุ่ม โดยมีการจัดการกับเนื้อหา (อ่านสรุป/คัดเลือกเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ตรงประเด็นที่ต้องการนำเสนอ) มีการจัดรูปแบบ มีการคัดเลือก/หรือจัดทำคลิป ตลอดจนส่วนประกอบอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ลงไปในบล็อก (หน้าเว็บ)
    >>> ควรมีการประชุมวางแผนแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบให้ชัดเจนด้วยค่ะ
    / อ.ทิพจุฑา

    ตอบลบ