หน้าเว็บ

บทบาทของครูในการจัดกิจกรรมศิลปะเด็กปฐมวัย

 

บทบาทของครูในการจัดกิจกรรมศิลปะเด็กปฐมวัย

การพัฒนากิจกรรมศิลปสร้างสรรค์ให้มีคุณค่าต่อพัฒนาการเด็กขึ้นอยู่กับครูมาก บทบาทหน้าที่สำคัญของครูในการจัดกิจกรรมศิลปะแก่เด็กปฐมวัย ได้แก่ การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับการใช้ทำกิจกรรม การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อกระตุ้นและเร้าความสนใจในการใช้วัสดุอุปกรณ์ทางศิลปะ ตลอดจนการจัดแสดงผลงานศิลปะของเด็กปฐมวัย ครูจะต้องเป็นผู้ที่มีความตั้งใจ สนใจศึกษาเทคนิควิธีการสอน  การจัดประสบการณ์ศิลปศึกษาให้แก่เด็ก  ครูควรรู้ว่าเมื่อไรจึงจะปล่อยให้เด็กทำงานด้วยตัวเอง  เมื่อไรจึงจะเข้าไปช่วยเด็ก  บทบาทของครูก็คือการแนะแนว  ให้กำลังใจ  ให้ข้อเสนอแนะ  ให้ข้อมูลย้อนกลับ  หรือการยอมรับ  แนวทางสำหรับครูในการสอนศิลปะเด็กปฐมวัย  คือ  ครูไม่ควรกำหนดให้เด็กปฐมวัยทำงานตามที่ครูต้องการ และไม่ควรทำงานศิลปะให้เด็กปฐมวัย ศิลปะควรเป็นเรื่องของความสมัครใจ  มีกิจกรรมให้เลือกหลายๆอย่าง  ครูไม่ควรให้เด็กลอกเลียนแบบงานของผู้อื่น  เพราะจะทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตนเอง   รูปแบบที่สำคัญในการสอนศิลปะแก่เด็กมีดังนี้ 

1. เลือกและวางแผนประสบการณ์

2. สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม

3. เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์

4. จัดประสบการณ์ตามความสามารถของแต่ละบุคคล

5. แสดงผลงาน

6. ข้อเสนอแนะสำหรับผู้มีปัญหา   (หรรษา  นิลวิเชียร, 2535)

เจนกิน  (Jenkins, 1980) ได้เสนอแนวทางสำหรับครูในการปลูกฝังเจตคติทางด้านศิลปะแก่เด็ก  ก่อนที่เด็กจะเกิดแรงจูงใจภายใน  โดยครูจะต้องสอนให้เด็กรู้ในสิ่งต่อไปนี้

1. เด็กแต่ละคนมีค่าและไม่เหมือนใคร

2. ไม่มีคนอื่นที่จะทำหรือพูดวิธีเดียวกันกับเด็ก

3. ไม่มีใครในโลกที่จะมีประสบการณ์เหมือนกับที่เด็กมี

4. มีบางสิ่งเกิดขึ้นภายในตัวเด็กที่คนอื่นต้องการได้ยิน

5. ศิลปะเป็นสิ่งที่ปลอดภัยและเป็นวิธีการอันวิเศษที่ช่วยให้เด็กแสดงออกถึงประสบการณ์  

    การรับรู้  และความรู้สึกของตนเอง

6.ไม่มีสิ่งใดที่เด็กทำไม่ได้    ถ้าเขาต้องการทำ

7.ไม่มีวิธีที่ดีที่สุดเพียงวิธีเดียวในการทำงานด้านศิลปะ

 

บทบาทของครูในการจัดกิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย

            สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กล่าวถึงบทบาทของครูในการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ (ศิลปศึกษา) ไว้ว่าครูควรปฏิบัติ ดังนี้

1. ศึกษาความรู้เกี่ยวกับศิลปศึกษาสำหรับเด็กให้เข้าใจ

2. ศึกษาแผนการจัดประสบการณ์ ในส่วนที่เกี่ยวกับศิลปศึกษาของเด็กให้เข้าใจ

3. ทดลองปฏิบัติตามขั้นตอนของกิจกรรมจนชำนาญ  ศึกษาข้อบกพร่อง และ หาทางแก้ไข

            4. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรม ควรใช้วัสดุท้องถิ่น

5. สร้างบรรยากาศในการทำกิจกรรมให้มีความสดชื่น แจ่มใส  แต่มีระเบียบวินัย

6. ใช้คำพูด กริยาท่าทาง หน้าตาแจ่มใส มีความเป็นกันเอง พร้อมที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับเด็ก

7. เปลี่ยนแปลงลักษณะกิจกรรมตามโอกาส ให้เด็กทำงานศิลปะที่หลากหลาย

8. ครูต้องคอยให้กำลังใจเด็กอย่าติเตียนจนเด็กหมดกำลังใจ

9. ครูควรได้เดินดูเด็กในขณะทำงานให้ทั่วถึง  เอาใจใส่เด็กทุกคน อย่างเสมอหน้า

10. ครูควรกระตุ้นให้เด็กรู้จักคิดเมื่อพบปัญหา

            11. เมื่อเด็กทำงานเสร็จ ควรให้เด็กเล่าเรื่องเกี่ยวกับ สิ่งที่ทำ หรือบอกชื่อของผลงาน

            12. ครูต้องแสดงให้เห็นว่าสนใจงานของเด็กทุกคน และผลงานนั้นมีคุณค่าเสมอ

            13. เมื่อพบว่าเด็กคนใดคนหนึ่งทำกิจกรรมศิลปะอย่างเดียวตลอดเวลา ก็ควรเสนอแนะให้เปลี่ยนกิจกรรมบ้าง ซึ่งเมื่อเด็กทำตามที่แนะนำได้ ควรเสริมแรงทุกครั้ง 

            14. ระหว่างที่เด็กทำกิจกรรม ถ้าพบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น เศษกระดาษหล่นบนพื้น หรือนำสีมาเล่นป้ายกัน ครูควรแนะนำตักเตือนเด็ก

            15. เมื่อใกล้หมดเวลาทำกิจกรรม ควรให้เด็กช่วยกันเก็บของทุกอย่างเข้าที่ให้เรียบร้อย 

            จะเห็นว่าบทบาทของครูที่เด่นชัด ได้แก่ การจัดเตรียมสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการเรียนรู้โดยผ่านทางกิจกรรมศิลปะ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรม การสร้างบรรยากาศในการทำกิจกรรม  ขณะที่เด็กทำกิจกรรม ครูควรมีบทบาทในการให้คำแนะนำหรือบอกแนวทางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การสอนศิลปะโดยตรงก่อให้เกิดผลเสีย ควรสนับสนุนให้เด็กมีการค้นพบกระบวนการทางศิลปะด้วยตนเอง ให้โอกาสเด็กได้ค้นคว้าอย่างกว้างขวาง โดยการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่หลากหลายให้เด็ก ใช้ศิลปะสื่อผสม (mix media) และวิธีการที่หลากหลายในการทำกิจกรรม เช่น การใช้สีน้ำระบายกับสีเทียน การปะติดกับการระบายสี การเย็บกรอบภาพวาดหรือภาพระบายสี ซึ่งเป็นการผสมผสานสร้างสรรค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ครูมีบทบาทสำคัญยิ่งในการสร้างให้กิจกรรมศิลปะเป็นกิจกรรมที่สร้างการเรียนรู้ เทคนิคการสอนศิลปะที่สำคัญ ประกอบด้วย

            1. กระตุ้นให้เกิดความคิดริเริ่ม 

            2. ยอมให้เด็กใช้มือได้โดยอิสระ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

            3. ยอมให้เด็กทำงานเอง

            4. ยอมให้เด็กตัดสินใจเลือกทำงานด้วยตนเอง

            5. ใช้วัสดุ อุปกรณ์ที่เหมาะสมอย่างหลากหลาย

            6. ใช้กิจกรรมที่เหมาะสมอย่างหลากหลาย

            7. ยอมรับผลงานของเด็ก แสดงผลงาน และเก็บรักษาผลงาน

            8. ให้ความเห็นเกี่ยวกับความพยายามและส่วนประกอบของงานศิลปะ

            9. ถามคำถามปลายเปิด  (นิรมล  ช่างวัฒนชัย, 2539)


การจัดมุมประสบการณ์หรือศูนย์ศิลปะ 

มุมประสบการณ์หรือศูนย์การเรียนต่างๆ ที่จัดไว้ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกห้องเรียน เป็นการจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนเพื่อสนองความต้องการของเด็กในการเรียนรู้อย่างอิสระ และเกิดความคิดสร้างสรรค์จินตนาการ ให้เด็กแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง การเล่นจะนำไปสู่การค้นพบ การหาเหตุผล เป็นสะพานไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม การสร้างความสมดุลของอารมณ์ จุดมุ่งหมายของการจัดศูนย์การเรียน เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้รายบุคคล มุ่งเน้นส่งเสริมให้เด็กมีความเจริญงอกงามทางด้านสติปัญญา และมีการประเมินผลด้วยตนเอง ครูสามารถที่จะจัดมุมประสบการณ์หรือศูนย์การเรียนได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของห้องเรียน ขนาดและเนื้อที่ โดยจัดให้สัมพันธ์กับกิจกรรมตามแผนการจัดประสบการณ์ อาจเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนสื่ออุปกรณ์ เพื่อสร้างบรรยากาศจูงใจ และอาจจะขยายหรือลดขนาดของพื้นที่แต่ละมุมได้ตามความเหมาะสม

มุมประสบการณ์หรือศูนย์การเรียน เป็นการจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียน  เพื่อสนองความต้องการให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก  เปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมประกอบกิจกรรมการเรียนเป็นกลุ่มตามความพอใจ  เด็กได้สังเกต ค้นคว้าหาประสบการณ์ด้วยตนเอง ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และพัฒนาทางด้านร่างกาย  สติปัญญา  อารมณ์และสังคม  เด็กมีโอกาสเรียนรู้ไปทีละน้อยแต่มั่นคง  ในการจัดเตรียมกิจกรรม ครูควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับเด็ก เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ครูสามารถจัดหาได้ในท้องถิ่นตามความเหมาะสม

            หลังจากที่เด็กปฐมวัยได้ปฏิบัติกิจกรรมทางศิลปะแล้ว  ครูควรเปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยได้แสดงออกทางศิลปะของตนเองจากการจัดนิทรรศการ ควรหมุนเวียนกันนำผลงานของเด็กออกแสดงให้ครบทุกคน  แต่ไม่ควรให้ผลงานของใครออกแสดงซ้ำสองครั้ง  การจัดแสดงผลงานศิลปะมีหลายรูปแบบ เช่น  การจัดนิทรรศการ  การตกแต่งเป็นป้ายนิเทศ  การแสดงผลงานโดยการนำมาร้อยเชือก  การจัดมุมในห้องเรียน  เป็นต้น

 
การแสดงผลงานหรือการจัดนิทรรศการ

การจัดแสดงผลงานนิทรรศการโดยทั่วไปทำได้หลายๆโอกาส การจัดนิทรรศการของเด็กปฐมวัยในโรงเรียนหรือศูนย์เด็ก สามารถจัดเป็นกิจกรรมนิทรรศการผลงานรายสัปดาห์ กิจกรรมนิทรรศการผลงานในวันสำคัญ และกิจกรรมนิทรรศการเสริมความรู้ (สัตยา  สายเชื้อ, 2541)

            การนำผลงานทางศิลปะของเด็กปฐมวัยออกแสดงนั้น  ต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลเป็นสำคัญเพราะเด็กแต่ละคนมีรสนิยมและความถนัดไปคนละอย่าง  เด็กแต่ละคนจึงมีความสำคัญในตัวเองแตกต่างไปจากคนอื่น  ดังนั้น ผลงานของแต่ละคนจึงมีความสำคัญต่อเจ้าของงานเป็นอย่างยิ่ง งานของเด็กปฐมวัยทุกคนจึงควรได้รับการเลือกออกแสดงโดยเปิดโอกาสให้เด็กได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จในการทำงาน 


ที่มา: ทิพจุฑา  สุภิมารส. (2561). ศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย. สุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น