หน้าเว็บ

3.วัสดุ อุปกรณ์ กิจกรรมศิลปะเด็ก

 วัสดุ อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย


เค้าโครงเนื้อหาที่นำเสนอ

    - บทนำ

        วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานศิลปะ

        การเลือกวัสดุเหลือใช้วัสดุท้องถิ่นและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกิจกรรมศิลปะ

        ศิลปะกับเทคโนโลยีดิจิทัล

        ศิลปะดิจิทัล

        สื่อศิลปะยุคใหม่ ก้าวไกลด้วยเทคโนโลยี

        ศิลปะกับภูมิปัญญาท้องถิ่น

        รูปแบบงานศิลปะในท้องถิ่น

        รูปแบบงานศิลปะในเทคโนโลยีดิจิทัล

        การสร้างสรรค์งานศิลปะดิจิทัล

- บทสรุป

- คำถาม


                บทนำ

วัสดุอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัยเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สอนต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่เป็นการเลือกใช้ที่ทำให้เกิดประโยชน์และหาง่ายตามท้องถิ่นทั่วไปสามารถใช้แทนกันได้ ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาไปแพร่หลายผู้สอนสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาจัดกิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัยได้

วัสดุ อุปกรณ์ การนำภูมิปัญญาวัสดุท้องถิ่นและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในงานศิลปะ


วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานศิลปะ

     ในการเลือกวัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ในงานศิลปะ ครูควรศึกษาคุณสมบัติและประเภทของวัสดอุปกรณ์ ในการใช้ที่เหมาะสม จำเป็นในการสร้างสรรค์เพื่อให้เด็กเรียนรู้วิธีการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆได้อย่างเหมาะสมถูกวิธี ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานศิลปะมีหลายประเภท โดยแบ่งออกเป็นประเภทที่เป็นวัสดุ คือ สิ่งที่ใช้แล้วหมดไป หรือเสื่อมสภาพ บางอย่างไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เช่น สีน้ำกระดาษ กาว สีไม้ เป็นต้น
     อุปกรณ์ คือ สิ่งที่ใช้แล้วไม่หมดไป สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก เช่น กรรไกรพู่กัน จานสี เป็นต้น วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้สำหรับงานศิลปะ มีดังนี้ (สรวงพร กุศลส่ง,2553: 28-36)   

1. กระดาษประเภทต่าง ๆ

รูปที่ 1 กระดาษประเภทต่างๆ
ที่มา : https://www.printeasybkk.com/tip/business-logo-design/

กระดาษมีหลายประเภท สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับงานศิลปะ หากเป็นงานศิลปะประเภทสีน้ำ ก็ควรเลือกประเภทที่มีความหนาพอสมควร แต่หากเป็นงานวาดภาพ ก็สามารถเลือกชนิดหนาปานกลาง หากเป็นงานตัดควรเลือกชนิดบาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีชนิดที่มีสีหน้าเดียวและ สองหน้าอีกด้วย การเลือกกระดาษมาใช้กับงานศิลปะเด็กไม่ควรเลือกสีสะท้อนแสงจะเป็นอันตรายต่อสายตาของเด็กได้ และกระดาษที่ใช้ในงานฉีกปะก็ไม่ควรใช้ชนิดหนาหรือเหนียว เพราะจะลำบากในการฉีกส่งผลต่ออารมณ์ในการทำงานของเด็ก โดยกระดาษที่เหมาะสมในการนำมาใช้มีดังนี้

          1.1 กระดาษวาดเขียน มีทั้งแบบเรียบสองด้าน และแบบด้านหนึ่งเรียบอีกด้านหนึ่งหยาบซึ่งแบบนี้เหมาะกับการใช้ในการวาดภาพสีน้ำเพื่อไม่ให้สีไหลออกจากบริเวณที่ระบาย กระดาษวาด เขียน มีขนาดความหนาเรียกเป็นปอนด์ มีตั้งแต่ 60 ปอนด์ 80 ปอนด์ และ 100 ปอนด์

รูปที่  1 กระดาษวาดเขียน
ที่มา : https://bit.ly/3lyzpLK

          1.2 กระดาษปรู๊ฟ  เป็นกระดาษที่มีการนำเยื่อของกระดาษที่ใช้แล้วมาผสม จึงมีส่วนผสมของเยื่อบดที่มีเส้นใยสั้น กระดาษปรู๊ฟมีน้ำหนักเบาเพียง 40 – 52 กรัม/ตารางเมตร มีสีอมเหลืองราคาไม่แพงแต่ความแข็งแรงน้อย ซึมน้ำได้ง่าย เหมาะสำหรับงานพิมพ์หนังสือพิมพ์ และเอกสารที่ไม่ต้องการคุณภาพมาก นิยมนำมาให้เด็กวาดภาพอิสระ โดยติดไว้ที่ผนังห้อง



รูปที่ 2 กระดาษบรู๊ฟ
ที่มา : https://bit.ly/2VyXPKp


          1.3 กระดาษโปสเตอร์สี  มี 2 ชนิด คือ ชนิดหนาและชนิดบาง โดยมีสีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ เหมาะสำหรับการผลิตสื่อการสอนและการจัดป้ายนิเทศ เป็นต้น

รูปที่  3 กระดาษโปสเตอร์ 
ที่มา : https://bit.ly/3io8WP2

          1.4 กระดาษย่น  มี 2 ชนิด คือชนิด 2 ชั้นและชั้นเดียว มีลักษณะยืดหยุ่นได้เหมาะสำหรับงานประดิษฐ์เป็นดอกไม้หรือตุ๊กตา



รูปที่ 4 กระดาษย่น 
ที่มา : https://bit.ly/3CkijqY

          1.5 กระดาษสา มีทั้งชนิดหนาและชนิดบาง มีลักษณะที่ผลิตจากเส้นใยจากพืชต้นสาเลือกใช้ได้ทั้งแบบผลิตจากเครื่องและแบบผลิตจากธรรมชาติ โดยจะมีความหนา และผิวขรุขระมากกว่า ชนิดที่ผลิตจากเครื่อง สามารถนำมาใช้กับงานศิลปะได้หลากหลายและนำมาผลิตสื่อได้อย่างสวยงาม


รูปที่ 5 กระดาษสา 
ที่มา : https://bit.ly/3lDTUqr

          1.6 กระดาษหนังสือพิมพ์  ทำจากเยื่อไม้ราคาถูก คุณภาพต่ำ เมื่อเก็บไว้นาน ๆ จะเปลี่ยนจากสีขาวหม่นเป็นสีเหลือง นิยมพิมพ์เป็นเอกสาร

รูปที่  6 หนังสือพิมพ์
ที่มา : https://home.kapook.com/view128759.html

 

2.สี สีมีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะ สีมีหลายชนิดหลายลักษณะที่แตกต่างกันสามารถเลือกได้ตามความต้องการของงานแต่ละประเภท สีมีลักษณะทั้งชนิดเป็นครีม เป็นน้ำเป็นผงเป็นแท่ง บางชนิดอาจใช้ผสมกับน้ำหรือผสมกับน้ำมัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้

          2.1 สีวิทยาศาสตร์ หมายถึง สีสังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของสารเคมี แป้ง น้ำมัน วัสดุที่ทำให้เกิด ลักษณะที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท ซึ่งสีแต่ละประเภทสามารถนำไปใช้งานได้ ดังนี้

                   2.1.1 สีน้ำ(หลอด) ส่วนใหญ่มี 12 สีสำหรับใช้กับการวาดภาพของเด็ก

รูปที่ 7 สีน้ำ(หลอด )
ที่มา  https://bit.ly/3xpqIWG

                    2.1.2 สีฝุ่น มีลักษณะเป็นผงนำมาผสมกับน้ำดีกาวน้ำ ใช้ส่วนผสมทั้ง 3 ส่วนต่อน้ำ 1 ส่วน ถ้าข้นไปให้เติมน้ำเพื่อให้ระบายหรือวาดได้ โดยใช้อุปกรณ์พู่กันในการระบายสี ประโยชน์ของสีฝุ่นคือ ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย



รูปที่ 8 สีฝุ่น 
ที่มา : https://my-best.in.th/50505

                             2.1.3 สีเทียน ลักษณะเป็นแท่งมีหากสีให้เลือกใช้ ส่วนของแท่งสีหุ้มด้วยกระดาษ                    เพื่อสะดวกในการใช้งาน เด็กควรใช้สีเทียนแท่งใหญ่ สามารถที่จะนำมา วาดลงบนกระดาษ
          วาดเขียนได้


รูปที่ 9  สีเทียน

2.1.4 สีชอล์ค มีลักษณะเป็นผงชอล์กอัดแท่ง มีส่วนผสมของน้ำมัน 

เหมาะสำหรับเด็กปฐมวัย 

    รูปที่ 10  สีชอล์ค

                                ที่มา : http://ktipandtrick.blogspot.com/2016/09/blog-post_87.html  

                     2.1.5 สีไม้ ไส้ดินสอสีไม้เป็นสีต่าง ๆ หลายสี ปัจจุบันมีให้เลือกทั้งแบบสีไม้ธรรมดา

        และสีไม้แบบระบายน้ำ มีทั้งแบบแท่งเล็กและแท่งใหญ่



รูปที่ 11  สีไม้

                    

                     2.1.6 สีผสมอาหาร มี 2 ชนิด คือ ชนิดที่เป็นผงและชนิดที่เป็นน้ำ สามารถนำมาผสม

           กับน้ำหรือกาวน้ำ เพื่อใช้กับงานศิลปะของเด็กปฐมวัยได้ เพราะไม่มีอันตราย

                     

รูปที่ 12 สีผสมอาหารแบบผง
ที่มา : https://supersaleth.com/product


รูปที่ 13 สีผสมอาหารแบบน้ำ
ที่มา : https://bit.ly/3irF4RO

          2.2 สีธรรมชาติ หมายถึง สีที่ได้จากพืชหรือสัตว์ที่สามารถให้สีตามธรรมชาติ เพื่อนำมาใช้

ประโยชน์ทางงานศิลปะ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้หลายชนิด ดังนี้

                     2.2.1 สีเหลือง ได้จาก ขมิ้น ไพล ดอกบานบุรี ดอกสุพรรณิการ์



รูปที่ 14 สีธรมมชาติสีเหลือง
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

                  2.2.2 สีน้ำเงิน ได้จากครามย้อมผ้า หรือผงคราม ลูกหมึก และดอกอัญชัน



รูปที่ 14 สีธรรมชาติสีน้ำเงินจากอัญชัน
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

                     2.2.3 สีน้ำตาล ได้จาก ดินลูกรัง(ป่นละเอียดผสมน้ำ) ยางไม้บางประเภท ไพลผสม

                             ปูนแดง



รูปที่ 15 สีธรรมชาติสีน้ำตาลจากน้ำตาล

ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

                  

                      2.2.4 สีเขียว ได้จาก ใบเตย ใบตำลึง ใบพู่ระหง ใบย่านาง



รูปที่ 16 สีธรรมชาติสีเขียวจากใบเตย
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

                    2.2.5 สีแดง ได้จาก ปูนแดง หมึกแดง ยาแดง ยาอุทัยทิพย์ ดอกกระเจี๊ยบ


รูปที่ 17 สีธรรมชาติสีแดงจากเมล็ดถั่ว กระเจี๊ยบ
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

                     2.2.6 สีชมพู ได้จาก ดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบเซียงไฮ เปลือกแก้วมังกร



รูปที่ 18 สีชมพู
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ


                     2.2.7 สีม่วง ได้จาก ดอกอัญชัน(ผสมน้ ามะนาว) เปลือกมังคุด



รูปที่ 19 สีธรรมชาติจากดอกอัญชัน
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

                     2.2.8 สีแสด ได้จาก ปูนแดง ดอกสุพรรณิการ์



รูปที่ 20 สีธรรมชาติสีส้มจากเปลือกสละ
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ

                     2.2.9 สีดำ ได้จาก ลูกมะเกลือ หมึกดำ เขม่า กาบมะพร้าวเผา



รูปที่ 21 สีธรรมชาติสีดำจากกาบมะพร้าว
ที่มา : https://farmerspace.co/สีผสมอาหารจากธรรมชาติ


          สีเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ช่วยสร้างสีสันและกระตุ้นจินตนาการ และเป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ สำหรับเด็ก จากสีที่มาจากแหล่งเรียนรู้ สีที่นำมาให้เด็กได้ใช้ควรเป็นทั้งสีที่สังเคราะห์ขึ้น คือ วิทยาศาสตร์ ซึ่งมีหลายชนิด คุณลักษณะก็แตกต่างกันไปสามารถเลือกได้ตามลักษณะของงานศิลปะที่ใช้ และยังมีสีที่ได้จากธรรมชาติ คือจากสีพืช และจากสิ่งแวดล้อม เช่น หิน ดิน ซึ่งถือเป็นสีที่หาได้ง่ายและปลอดภัยและนิยมน ามาใช้ในสถานศึกษาอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน


3. ประเภทกาว



รูปที่ 22   ประเภทของกาวเลือกใช้งานตามความเหมาะสม
ที่มา : https://bit.ly/3y3MGiR

          กาว เป็นวัสดุสำหรับการยึดติดงานศิลปะให้สมบูรณ์ในการประกอบเป็นชิ้นงาน อาจใช้เพื่อ เป็นการผสมในส่วนผสมของชิ้นงาน หรือใช้เป็นวัสดุในการปะติด

          3.1 กาวน้ำ ทำจากยางกระถิน จะมีขายสำเร็จเป็นขวด มีลักษณะใสและเหนียว สำหรับใช้

ผสมกับสีฝุ่น หรือสีโปสเตอร์ในการสร้างภาพ หรือใช้ในการติดกิจกรรมการโรยทราย


รูปที่ 23 กาวน้ำ 
                                                        ที่มา :  https://bit.ly/3s7BkZj                                                                       

          3.2 กาวลาเท็กซ์ เป็นกาวที่มีลักษณะขุ่น เหนียว ใช้ได้กับทุกชิ้นงาน สามารถใช้ได้กับวัสดุ

ที่เป็นกระดาษ พลาสติก และไม้ได้เป็นอย่างดี ไม่เลอะเทอะ


รูปที่ 24 กาวลาเท็กซ์
ที่มา : https://bit.ly/3fAqHZJ     

          3.3 แป้งเปียก สำหรับใช้ผสมสี ขี้เลื่อย เพื่อติดท าหุ่น หรือหน้ากาก งานเปเปอร์อาร์ตที่ต้อง ใช้กาวติดยึดกระดาษที่ซ้อนกันหลายชั้น เพื่อให้เกิดความหนา สามารถทำได้เองโดยใช้แป้งมัน 1ถ้วย ต่อน้ำ 3 ถ้วย ละลายตั้งไฟ กวนให้สุก



รูปที่ 25 กาวเปียก
ที่มา :https://bit.ly/2VhoTy5 

งานศิลปะหลายแขน มีการเลือกใช้กาวในการสร้างสรรค์งาน เช่น งานประติมากรรมงานปั้น หรืองานศิลปะประดิษฐ์ อาจต้องนำกาวมาเป็นตัวประสาน ประกอบให้งานมีรูปทรงตาม ต้องการโดยเลือกให้เหมาะสมกับวัสดุแต่ละชนิด ถ้าต้องการสร้างภาพพิมพ์และให้สีเกาะบนกระดาษใส่กาวน้ำเป็นส่วนผสมในสี เช่นเดียวกับการสร้างงาน ฉีก ตัด ปะ หรืองานประดิษฐ์ก็ต้องนำกาวมาช่วยในการยึดติดวัสดุต่าง ๆ จะทำให้งานเสร็จสมบูรณ์ได้

 

4. เทปกาว


รูปที่  26  ประเภทของเทปกาวต่างๆ 
ที่มา : https://www.wetapestore.com/th/adhesion-type-of-adhesive-tape

          4.1 เทปใส มีหลายขนาดใช้ในการติดภาพ เหมาะกับวัสดุที่เป็นกระดาษ 

รูปที่ 27 เทปใส 
ที่มา :https://bit.ly/3Ai3tzH

          4.2 เทปผ้า ใช้สำหรับหุ้มปกสมุดงานหรือเล่มหนังสือ

รูปที่ 28 เทปผ้า
ที่มา : https://bit.ly/3rYucyi

          4.3 เทปโฟมสองหน้า ใช้สำหรับการติดที่ต้องการให้วัสดุเกาะแน่นกับผนัง

รูปที่  29 เทปโฟมสองหน้า
ที่มา :https://bit.ly/37j1sXm


5. กรรไกร



รูปที่  30   กรรไกรปลายมน

          5.1 กรรไกรธรรมดา ใช้สำหรับการตัดวัสดุทั้งผ้า กระดาษ พลาสติก ควรเลือกให้มีขนาด

เหมาะสมกับงาน

          5.2 กรรไกรซิกแซกลวดลาย มีลายให้เลือกใช้หลายแบบเพื่อใช้ตกแต่งตัวอักษร หรือกรอบของภาพให้สวยงามเพื่อตกแต่งงานป้ายนิเทศทั้งนี้กรรไกรเป็นอุปกรณ์ที่เด็กชอบมากชนิดหนึ่ง กรรไกรที่จะนำมาให้เด็กใช้จะต้องเป็นกรรไกรปลายมน มีขนาดพอเหมาะกับมือเด็ก ไม่ทื่อ ง้างออกไม่ยาก หรือหลวมจนกระทั่งใช้ตัดกระดาษไม่ออก ผู้สอนจะต้องสำรวจกรรไกรทุกเล่มก่อนให้เด็กใช้ เพราะถ้าเด็กพบความบกพร่อง ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ก็จะทำให้เด็กคับข้องใจ ไม่อยากท างานศิลปะที่มีกรรไกรเป็นเครื่องมือประกอบทั้งจะต้องตกลงกับเด็กถึงขอบข่ายการใช้กรรไกรให้ดี เพราะบางคนอาจจะนำไปตัดผม หรือเสื้อผ้าของเพื่อนได้ เด็กที่ถนัดมือซ้ายก็ควรมีกรรไกรสำหรับมือซ้ายให้เขาด้วยเช่นกัน (สิริพรรณ ตันติรัตน์ไพศาล, 2545: 52)

 

6. ไม้บรรทัด

     ไม้บรรทัด เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดตำแหน่งของวัสดุ หรือวัดเพื่อกำหนดขนาดของตัวอักษร




รูปที่  31  ไม้บรรทัด

                         ที่มา: https://bdcargoexpress.com/?product=Alibaba1688-abb-573536879620  


7. จํานวนสีจานสี                                                                                                                                    เป็นอุปกรณ์ที่ใช้กับสีน้ำ เพื่อผสมสี

  

รูปที่ 32   จานสี


8. พู่กัน

          พู่กัน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวาดภาพด้วยสีน้ำสำหรับเด็กปฐมวัยนิยมใช้พู่กันเบอร์ 11 ทั้งแบบ พู่กันแบน หรือพู่กันกลม เด็กควรเลือกใช้พู่กันในการวาดภาพส่วนต่าง ๆ ครูอาจเตรียมอุปกรณ์

อื่นไว้ให้เด็กใช้แทนพู่กันได้ เช่น ผู้พันจากฟองน้ำ หรือพู่กันจากขนนก เป็นต้น



รูปที่ 33 พู่กัน 

9. กระดานตั้งสำหรับวาดภาพ

          กระดานตั้งสำหรับวาดภาพ ที่มีกระบะด้านล่างในการรองรับอุปกรณ์ในการใส่สีและผู้กัน

ควรมีความสูงที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยที่สามารถยืนวาดภาพได้สะดวก


รูปที่ 34 กระดานตั้งสำหรับวาดภาพ

10. ผ้ากันเปื้อนพลาสติก

          ผ้ากันเปื้อนพลาสติก สำหรับให้เด็กสวมใส่ก่อนเล่นวาดภาพสีน้ำ เพื่อป้องกันสีเปื้อน

เสื้อผ้า


รูปที่ 36 ผ้ากันเปื้อนพลาสติก

11. ที่เก็บผลงาน

          ที่เก็บผลงาน ควรจัดเตรียมสถานที่เพื่อแขวนผลงานให้สีแห้งก่อนน ามาเก็บใส่แฟ้ม หรือ

จัดแสดงบนป้ายนิเทศ


รูปที่ 37  ที่เก็บผลงาน

         สรุปได้ว่า การสร้างงานศิลปะต้องใช้วัสดุหรืออุปกรณ์อีกหลายชนิดในการสร้างสรรค์งาน เช่น

เทปกาว กรรไกร ไม้บรรทัด จานสี พู่กัน กระดานตั้งสำหรับวาดภาพ ฯลฯ เป็นสิ่งที่มีส่วนให้งานทีสร้างสรรค์ เสร็จสมบูรณ์ยิ่งขึ้น การสร้างสรรค์งานศิลปะหลายแขนงจึงมีความจำเป็นในการเลือกใช้

วัสดุและอุปกรณ์อีกหลายประเภทที่มีส่วนในการสร้างงานให้สวยงามประณีตได้


ที่มา http://portal5.udru.ac.th/.../180rJ10L7515700Ru8t8.pdf

การเลือกวัสดุเหลือใช้วัสดุท้องถิ่นและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกิจกรรมศิลปะ


รูปที่ 38    การเลือกใช้วัสดุต้นกล้วย
ที่มา : https://bit.ly/3i0J1gj

 ก่อนการจัดกิจกรรมศิลปะครูสามารถวางแผนในการจัดหาวัสดุเพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ โดยอาจแยกได้ดังต่อไปนี้(วิบูลลักษณ์ สารจิตร, 2548: 219)

     1. เครื่องใช้สำนักงาน ได้แก่ หนังสือพิมพ์ริบบิ้น แกนกระดาษทิชชู โบชัวร์โฆษณาสินค้า กระดาษปฏิทินที่ไม่ใช้แล้วปากกา กระดาษปอนด์ เป็นต้น


รูปที่  39 งานประดิษฐ์ที่ทำจากแกนทิชชู่
ที่มา :https://bit.ly/3lM0RGh

     2. วัสดุและเครื่องใช้ในบ้าน ได้แก่เสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว หรือเศษผ้า ของใช้ที่ชำรุด ตะกร้า กระจาด เศษโลหะ ถ้วยไอศกรีมมะกะโรนี ฟองน้ำ ขวดชนิดต่าง ๆ เช่น ขวดแชมพู ขวดน้ำหอม ขวดน้ำเปล่า ขวดซอส ขวดน้ำหวานขวดน้ำยาล้างจาน ขวดครีมทาผิว หรือกระปุกครีมทาหน้า ขวดเครื่องสำอาง กล่องขนมกล่องผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ เช่น ประเภทที่ทำจากโฟม กล่องประเภทที่ทำจากกระดาษกล่องประเภทพลาสติก ถุงผ้า ถุงหรือกระเป๋าจากหนังสัตว์ สิ่งที่เหลือจากการรับประทานอาหาร เช่น เปลือกหอยกระดูก เปลือกไข่ ก้างปลา กระดองปู เปลือกผลไม้ เป็นต้น



รูปที่  40 สิ่งประดิษฐ์จากฝาขวดน้ำ
ที่มา : https://www.diy-knight.com/2015/04/pet.html


     3. ก้อนหิน ได้ แก่ หิน ทราย กรวด เป็นต้น



รูปที่ 41 สิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากหิน
ที่มา : https://bit.ly/3yxNaOv

     4. จากสัตว์ เช่น ขนไก่ รังไหม เกล็ดปลา เปลือกหอย ขนเป็ด เป็นต้น



รูปที่ 42 ชิ้นงานที่ทำจากเปลือกหอย
ที่มา : https://bit.ly/3jszQom

     5. จากพืช ได้แก่เมล็ดแตงโม ลูกสน เมล็ดมะก่ำตาหนู เม็ดลำไย เม็ดทุเรียน เม็ดยาง เม็ดมะขาม เปลือกข้าวโพด เปลือกต้นไม้ ลูกเนียง เปลือกถั่วลิสง กาบมะพร้าว กิ่งไม้ รากไม้ ต้นไม้ต่าง ๆ เถาวัลย์ ย่านลิเพา เครือไม้ เป็นต้น



รูปที่ 43 งานประดิษฐ์ที่ทำจากพืช
ที่มา : https://bit.ly/37uPhH7

     นอกจากนี้ สมจินต์ มนูญศิลป์ (2543: 2) ยังได้อธิบายว่า ในการเลือกวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ ควรพิจารณาก่อนที่จะนำมาใช้ เพราะวัสดุบางชนิดอาจเป็นอันตลายได้ จึงจำเป็นจะต้องศึกษาก่อนนำไปใช้์ โดยจะแบ่งวัสดุเหลือใช้ออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

                      ประเภทที่ 1  วัสดุที่ได้จากของเหลือใช้ในชีวิตประจำวันทุกๆวันเศษวัสดุที่เหลือจากการใช้ในชีวิตประจำมีมากมาย เช่น กล่องยาสีฟัน กล่องสบู่ ขวดพลาสติก กล่องกระดาษต่างๆ เป็นต้น

                      ประเภทที่ 2 วัสดุที่เหลือใช้ที่ได้จากทรัพยากรธรรมชาติทั้งที่มีอยู่ในบ้านและนอกบ้าน  โดยทั่วไป อาจเก็บมาจากการไปทัศนาจร ท่องเที่ยว หรือเก็บไว้ตามฤดุการให้ผลิต เช่น เปลือกหอย ก้อนหิน ขนสัตว์ เมล็ดพืชต่าง ๆ

                      ประเภทที่ 3 วัสดุที่เหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรมวัสดุที่เหลือใช้เหล่านี้สามารถนำมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของได้ เช่น แกนหลอดด้ายขนาดและประเภทต่าง ๆ กระดาษลัง แผ่นพลาสติก เศษผ้า เป็นต้น

ที่มา http://portal5.udru.ac.th/.../180rJ10L7515700Ru8t8.pdf

 

ศิลปะกับเทคโนโลยีดิจิทัล

ศิลปะดิจิทัล สื่อศิลปะยุคใหม่ ก้าวไกลด้วยเทคโนโลยี


รูปที่ 44  การใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
ที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9610000106121

       ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้ระบบอานาล็อกที่ถูกใช้กันมาจนถึงปัจจุบันถูกพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องจนเป็นระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น เพลง หนังสือหรือตำรา นอกจากนี้ในโลกของ ศิลปะดิจิทัล ก็ถูกนำมาใช้ด้วยเช่นกัน ความหมายพื้นฐานของ ศิลปะดิจิทัล คือศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นโดยสื่อดิจิทัล อย่างเช่นภาพกราฟิก ภาพประกอบ ภาพยนตร์ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยรากฐานจากดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีการนำอุปกรณ์ดิจิทัลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาใช้ทำศิลปะดิจิทัลทั่วไปอีกด้วย

          สื่อศิลปะที่มีปฏิสัมพันธ์การมีปฏิสัมพันธ์เกิดขึ้นได้จากผู้ดูผลงานศิลปะ กับตัวงานศิลปะ ที่ผู้สร้างผลงานต้องการจะสื่อสารให้กับผู้ดู เช่น ผลงานจิตรกรรมหรือประติมากรรมสามารถทำให้เกิดอารมณ์สุนทรียะ ความรู้สึกกับผู้ดูตามที่ศิลปินต้องการสื่อสาร เกิดความสะเทือนใจ สะกิดใจ หรือเกิดคำถามต่อผู้ดูได้ เพราะตัวผลงานที่มีความแตกต่างกัน อาจจะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกได้ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ในการสร้างสรรค์สื่อศิลปะแบบประเพณีนั้นไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงตัวมันเองได้ระหว่างที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูงานกับตัวผลงาน

          ผลงานส่วนใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นบนคอมพิวเตอร์นั้น จะจัดอยู่ในหมวดหมู่ของผลงานศิลปะดิจิทัล อย่างเช่นการ์ตูนอานิเมะ3มิติ การสร้างแบบจำลอง3มิติ ภาพกราฟฟิกหรือรูปภาพที่เขียนด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นศิลปะแบบใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเทคโนโลยีดิจิทัล

ที่มา https://buddys-pet.com/media-topic/

 


ศิลปะกับภูมิปัญญาท้องถิ่น

ศิลปะ (Art) มีความหมายที่สำคัญยิ่งกับชีวิตของมนุษย์ได้มีผู้ให้คำจำกัดความเอาไว้หลายอย่าง แต่โดยสรุป ศิลปะคือผลงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เพื่อประโยชน์และความงาม คำว่าประโยชน์เป็นคำที่กว้างและคำว่าศิลปะก็สามารถที่จะครอบคลุมคำ ๆ นี้ได้จริง ๆเพราะว่าในชีวิตของมนุษย์เราเกี่ยวข้องอยู่กับศิลปะตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นลืมตาขึ้นจนถึงวันที่ดวงตาทั้ง2 ข้างต้องหลับสนิทความงดงามที่ปรากฏขึ้นได้ในโลกนี้ส่วนแล้วแต่มีที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ถึงแม้ว่าในยุคนี้จะไม่มีผู้คนจำนวนหมื่นแสนคนมารวมพลังกันสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ให้ตื่นตาและเพิ่มศรัทธาได้อย่างในอดีตก็ตามแต่เราก็ยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของกลุ่มคนตามท้องถิ่นต่างๆ ในสังคมน้อยใหญ่อีกเป็นจำนวนมากในเรื่องของขนาดใหญ่โตมโหฬารอาจจะไม่มีให้เห็นอีกหรืออาจจะมีก็ได้ แต่ในความประทับใจ (สุมทรียะ) น่าจะยังคงมีต่อไป

ภูมิปัญญาท้องถิ่น (Wisdom) เป็นความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษได้แก่จากคนรุ่นหนึ่งส่งมายังคนอีกรุ่นหนึ่งเป็นทอด ๆ กันมาเช่นคนรุ่นปู่สอนความรู้ในเรื่องอาชีพของตนให้กับลูก (รุ่นพ่อ)และพ่อสอนความรู้ให้กับลูก (รุ่นปัจจุบัน)ด้วยการสั่งสมความรู้ที่อาจจะมาจากความใกล้ชิด อยู่ในครอบครัวเดียวกันได้เห็นแบบอย่างและได้ร่วมปฏิบัติงานตามวิถีชีวิต จึงเป็นการสั่งสม(สะสม) หรือรวบรวมเอาเข้าไว้ในชีวิตของคน ๆ หนึ่งอย่างช้าๆและอย่างต่อเนื่อง และที่น่าภาคภูมิใจกับคนไทยก็คือบ้านเรามีผู้ที่ทรงคุณค่าทางความรู้ในเรื่องต่าง ๆเฉพาะทางอยู่เป็นจำนวนมาก รอคอยให้ลูก หลาน เหลน โหลนเข้ามาศึกษาหัวใจคนไทยคิดอย่างไรคงไม่อาจจะทายใจได้เพียงแต่คิดเสียดายความมีเสน่ห์แห่งปัญญาที่หลายด้านสูญหายไปจากแผ่นดินของเรานานแล้วและกำลังมีอีกหลายอย่างที่จะทยอยจากเราไปเพราะไม่มีคนไปรับการสืบทอดและขาดการเหลียวแล

ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/97082

 

รูปแบบงานศิลปะในท้องถิ่น

     งานศิลปะในแต่ละท้องถิ่น จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมประเพณีและความเป็นอยู่ของผู้คนในท้อง ถิ่นนั้น ๆ และมมีรูปแบบต่าง ๆ เช่น งานปั้น งานแกะสลัก งานเขียนภาพ เป็นต้น

     1. งานปั้น เป็นผลงานศิลปะท้องถิ่นที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะในวัดและในสถานที่สำคัญของแต่ละท้องถิ่นนั้น ผลงานปั้นของบางท้องถิ่นสามารถสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เช่น เครื่องปั้นดินเผาของ อ.ด่านเกวียน จ.นครราชสีมา เครื่องปั้นดินเผา ที่เกาะเกร็ด จ. นนทบุรี



รูปที่  45    งานปั้นรูปต่างๆ 
ที่มา :  http://fino4433.blogspot.com

   

2. งานแกะสลัก งานแกะสลักที่พบในแต่ละท้องถิ่นจะมีความงดงามแตกต่างกัน ซึ่งงานศิลปะประเภทนี้มักอยู่ในพวกของประดับตกแต่ง ของใช้ และสถานที่บางแห่ง เช่น วัด บ้านเรือน เป็นต้น

รูปที่  46  การแกะสละผลไม้
ที่มา : http://fino4433.blogspot.com 

  3. งานเขียนภาพ งานศิลปะประเภทนี้มีอยู่มากมายในท้องถิ่น เช่น ภาพเขียนผนังในวัด ซึ่งแสดงลวดลายและเล่าเรื่องในท้องถิ่นนั้น งานเขียนภาพบางท้องถิ่นสามารถชื่อเสียงให้กับท้องถิ่นจนเป็นที่รู้จักกันทั่ว ไป

 


รูปที่  47  ภาพวาดเขียนตามจินตนาการ
ที่มา :http://fino4433.blogspot.com 
 

 4. งานจักสาน เป็นงานศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้คนในท้องถิ่นในการนำวัสดุ ต่าง ๆ มาทำเป็นเครื่องจักสานต่าง ๆ ซึ่งแต่ละท้องถิ่นจะมีลักษณะและมีความสวยงามแตกต่างกันไป

     นอกจากนี้ ยังมีงานศิลปะประเภทอื่น ๆ ซึ่งในแต่ละท้องถิ่นจะแตกต่างกันไป เราจึงควรภูมิใจในผลงานศิลปะของท้องถิ่นตนเอง รวมทั้งถ้ามีโอกาสควรช่วยกันสืบทอดให้อยู่คู่ท้องถิ่นของตนตลอดไป



รูปที่ 48  สานกระดาษ
ที่มา : http://fino4433.blogspot.com 

ที่มา: https://krooluang.wordpress.com/

 

รูปแบบงานศิลปะในเทคโนโลยีดิจิทัล

การสร้างสรรค์งานศิลปะดิจิทัล


รูปที่ 49  teamLab Borderless หรือพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะจากสื่อดิจิทัล 
ที่มา : https://thestandard.co/teamlab-borderless/

          ดิจิทัลมีเดียนี้เป็นการสร้างสรรค์บนพื้นฐานหลักการของศิลปะ การออกแบบ และการรับรู้ทางสายตา โดยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องขององค์ประกอบศิลปะ การสร้างความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน สมดุล การซ้ำและจังหวะ การเน้น และการสร้างจุดสนใจ มุมมองทัศนียภาพ และหลักการทางทฤษฎีพื้นและภาพ ทฤษฎีการรับรู้


รูปที่  50 วาดรูปไดโนเสาร์ วิบครีม เชอรี่
ที่มา : https://pataiw.com/278

          การผลิตสื่อดิจิทัลและขั้นตอนการสร้างสรรค์นั้น คอมพิวเตอร์ โปรแกรมที่นำมาเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์ ภาพ เสียง วิดีโอ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ดึงศักยภาพของตนเองในด้านความคิดสร้างสรรค์ให้ปรากฏเป็นรูปธรรม การสร้างสรรค์งานศิลปะดิจิทัลด้วยคอมพิวเตอร์ อาจจะไม่ได้ใช้ดินสอ หรือพู่กันในการวาดภาพ ผู้ใช้อาจจะเขียนเส้นโค้ง หรือวงกลมไม่สวย และไม่ต้องกังวลเพราะเครื่องมือในโปรแกรมสามารถช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นรวดเร็ว แก้ไขได้ไม่จำกัด แต่ดิจิทัลอาร์ตก็ไม่สามารถที่จะแยกเรื่องของพื้นฐานทางศิลปะ ความรู้เรื่องของสุนทรียภาพ รวมถึงหลักการออกแบบด้วย เพราะมีความสำคัญทั้งสองด้าน ความเข้าใจทางด้านหลักการสร้างสรรค์งานศิลปะเป็นอย่างดี และทักษะทางศิลปะจะช่วยให้การทำงาน สร้างสรรค์ดิจิทัลอาร์ตเป็นไปได้ด้วยดี ความเข้าใจเรื่องแนวคิดของเครื่องมือและการรับรู้ของมนุษย์จะช่วยให้การสร้างสรรค์สามารถมีผลกระทบต่อผู้รับได้ดีขึ้นอีกด้วย

ที่มา https://buddys-pet.com/media-topic/

คำถาม

1.      ข้อสงสัย : หากไม่มีสีผสมอาหาร เราสามารถก็ไม่อาจจัดกิจกรรมวาดภาพด้วยสีน้ำได้ ใช่หรือไม่

 ตอบ ไม่ใช่ แทนที่จะใช้สีฝุ่นก็อาจเลือกวัสดุอย่างอื่นมาทดแทนได้ สีจากธรรมชาติ ที่มีสามารถ หาได้จากท้องถิ่น และประหยัดต่อการซื้อสี เช่น สีแสด ดินแดงละลายนํ้า สีแดง จากผลกระเจี๊ยบ สีเขียว จากใบไม้ ใบเตย สีม่วง ใบตำลึงหรือผักปลัง ฯลฯ

2.      ข้อสงสัย : หากวัสดุอุปกรณ์ไม่ครบตามจำนวน เด็ก จำเป็นหรือไม่ที่คุณครูต้องหาวัสดุให้ครบจำนวนเด็ก ไม่ว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ เช่น สีเทียน พู่กัน ฯลฯ

ตอบ ไม่จําเป็น เพราะอาจจะให้เด็กใช้วัสดุอุปกรณ์ร่วมกันในลักษณะที่มีจำนวนไม่ครบตามจำนวนเด็กจะเอื้อให้เกิดการรอคอย ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งคุณธรรมเหล่านี้เป็น นามธรรม ไม่อาจสอนเด็กโดยการใช้คำพูดชี้แจงให้ชัดเจนเพียงอย่างเดียวได้ จะเป็นการสังเกต พฤติกรรมของเด็กๆไปด้วย และยังเป็นการปลูกฝั่งให้เด็กมีคุณธรรมจริยธรรม อันดีงามนำไปสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่

3.      ข้อสงสัย : หากไม่มีพู่กัน ก็จะทําให้วาดภาพด้วยสีน้ำไม่ได้ใช่ไหม

ตอบ ไม่ใช่ เพราะอาจใช้วัสดุอื่นทดแทนได้ วัสดุสังเคราะห์ เช่น ฟองน้ำ ช้อน ส้อม ฯลฯ หรือส่วนต่างของร่างกายเช่น นิ้วมือฝามือ ข้อศอก วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ก้านกล้วย ใบไม้ ฯลฯ ตัวอย่าง เช่น การใช้ฟองน้ำ จุ่มสีน้ำ ทำกิจกรรมพิมพ์ภาพจากวัสดุสังเคราะห์

 

       


4 ความคิดเห็น:

  1. - ควรมีภาพประกอบ (อย่าลืมระบุ อ้างอิง-แหล่งที่มาของภาพ ไว้ใต้ภาพด้วยค่ะ)
    - ใช้ประโยชน์จากการนำเสนอผ่านสื่อดิจิทัล ด้วยการเลือกสรร-คัดกรองภาพสวยๆ ที่นำมาอธิบายประกอบได้ดี/ชัดเจน
    เพราะเราสามารถประหยัดค่ากระดาษ ค่าหมึก ถ้าจะต้อง print เอกสารแจกเพื่อนทุกคนในชั้นเรียน

    ตอบลบ
  2. กลุ่มนี้มีการสืบค้นเพ่ิ่มเติม เป็นการพัฒนาเนื้อหาที่มีรายละเอียดเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัยมากขึ้น
    การอ้างอิง - Link ที่จัดทำ ถูกต้อง เป็นการให้เครดิตงานต้นฉบับ และ เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
    ถ้าสมาชิกกลุ่มนำเนื้อหาที่สืบค้นมาจัด-เรียบเรียง จนสมบูรณ์แล้ว
    ครูแนะนำให้ ตั้งคำถาม แบบสนทนากลุ่ม (อภิปรายภายในกลุ่มของเราเองค่ะ)
    ว่านักศึกษามีข้อสงสัย และ อยากรู้อะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง ถ้างานสมบูรณ์แล้ว ให้ OUTLINE ประกอบการนำเสนอ BLOG - จัดทำบทนำ บทสรุป และ ตั้งคำถามท้ายบท 3 ข้อ พร้อมแนวตอบ

    ตอบลบ