แนวทางการประเมินพัฒนาการด้านศิลปะเด็กปฐมวัย
ศิลปะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการในทุกด้าน เด็กต้องการเรียนรู้ความสัมพันธ์ของตนเองกับสิ่งแวดล้อม การพัฒนาจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนไม่มีการลัดหรือข้ามขั้น เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ครูจึงไม่ควรให้ความสำคัญของผลงานยิ่งไปกว่าขั้นพัฒนาการของเด็กแต่ละคน
แนวทางการประเมินผลพัฒนาการด้านศิลปะเด็กปฐมวัย
ภาพของเด็กจะเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เด็กรู้และรู้สึกมากกว่าสิ่งที่เด็กเห็น
เป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวเด็ก
ครูจึงควรมองที่ภาพในลักษณะที่แสดงถึงสถานภาพของเด็ก
และพยายามปรับปรุงมากกว่าการมองที่ผลงาน สิ่งที่ควรเปลี่ยนคือ ความรู้สึกและการรับรู้ ไม่ใช่เส้นหรือสีในภาพ
ครูพิจารณาเด็กโดยโยงความสัมพันธ์กับอดีตว่า เด็กได้พัฒนาการเรียนรู้หรือการแสดงออกจริงๆ
หรือไม่ เด็กต้องการความรู้สึกสำเร็จ
ซึ่งมาจากการได้รับการยอมรับของผู้ใหญ่
ไม่ควรนำข้อบกพร่องของเด็กมากล่าว
ดังนั้นการให้เด็กประเมินตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เด็กจะเป็นผู้รู้ดีที่สุดว่างานของตนสมบูรณ์หรือยัง
คำพูดที่ส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยคิดประเมินงานของตัวเอง เช่น
เด็กได้วาดทุกสิ่งที่ตั้งใจจะแสดงตามหัวเรื่องหรือยัง
เด็กได้ใช้สีเพื่อเน้นในสิ่งที่ต้องการหรือยัง
เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์ที่ต้องการหรือยัง
(เช่น หนูมีรู้สึกอย่างไรที่ได้วาดภาพนี้
หนูความสุขไหม หนูดีใจ หรือ
เศร้าใจ หรือ เสียใจไหม)
ข้อควรจำคือ การให้เด็กประเมินตัวเองนั้น ต้องทำในขณะเด็กอยู่ในขั้นระหว่างการทำงาน ไม่ใช่ทำงานเสร็จแล้ว ไม่ควรให้เกรดผลงานเด็ก หรือการประเมินจากภายนอกในลักษณะอื่น เช่น ให้ดาว ให้หน้ายิ้ม เพราะจะทำให้เด็กพลาดโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง
การแสดงผลงานของเด็ก จะเป็นแรงกระตุ้นให้เด็กดูผลงานของตนเอง แต่ก็อาจทำให้เด็กหันไปสนใจผลงานแทนกระบวนการหรือประสบการณ์ ครูควรแสดงผลงานของเด็กทุกคน เพราะถ้าครูเลือกมาเพียงคนใดคนหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นความชอบของครู จะทำให้เด็กหันไปทำตามเพื่อนเพื่อเป็นการเอาใจครู เด็กอาจจะติดอยู่กับวิธีการเดิมซ้ำๆ ไม่ลองสิ่งใหม่ๆ ครูและพ่อแม่ควรเก็บสะสมผลงานเด็กไว้เพื่อดูความก้าวหน้า และเพื่อเด็กจะได้มองดูผลงานที่ผ่านมา และรู้สึกถึงความสำเร็จของตน
แนวทางการวัดผลทางด้านศิลปะ ควรแยกการวัดออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นผลงานและส่วนที่เป็นพฤติกรรม ควรเน้นหนักในการสร้างเสริมพัฒนาการทางด้านพฤติกรรม ควรวัดโดยการสังเกตพฤติกรรมนั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ และทำตารางบันทึกไว้ สิ่งที่ใช้ในการประเมินผลสำหรับเด็กปฐมวัย คือ พฤติกรรมการแสดงออก ซึ่งจะสังเกตได้จากพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็ก ต่อไปนี้
1. พัฒนาการทางด้านอารมณ์ หมายถึง
การแสดงออกในด้านการพึงพอใจกับงานที่ตนทำ
ความรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินในการเรียน
2. พัฒนาการทางด้านสังคม หมายถึง
ความสามารถในการทำงานร่วมกับกลุ่มเพื่อนสามารถปรับตัวให้เข้ากับหมู่คณะได้
3. พัฒนาการทางการรับรู้ทางกาย หมายถึง
มีช่วงของความสนใจสั้น
หรือยาวเพียงใดสามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จหรือไม่
4. ความรับผิดชอบในการเก็บรักษาเครื่องเล่นเครื่องใช้ในการปฏิบัติงาน รู้จักเก็บหรือไม่
สำหรับด้านผลงาน สามารถสังเกต
และวัดได้จาก
1. ความสำเร็จของงานมีมากน้อยเพียงใด
2. พัฒนาการในการทำงานดีขึ้นบ้างหรือไม่
เช่น ทักษะในการใช้มือ ตลอดจนการใช้เครื่องมือ
3. ความสะอาดเรียบร้อยในการทำงานเป็นอย่างไร
4. มีทักษะในการวาด หรือระบายสี ตลอดจนความคิดริเริ่มเพียงใด (ทิพจุฑา สุภิมารส, 2543)
การประเมินผลที่ใช้ในวิชาศิลปศึกษา
ขึ้นอยู่กับปรัชญาของศิลปะและศิลปศึกษา ถ้าศิลปศึกษาเน้นที่ความงอกงามของเด็ก
ความมุ่งหมายของกระบวนการประเมินก็มุ่งที่ความงอกงามโดยผ่านกระบวนการทางศิลปะเป็นสำคัญ ศิลปศึกษายุคปัจจุบันมุ่งที่ประสิทธิภาพของศิลปะในฐานะที่ช่วยพัฒนาเด็กทุกคน
ศิลปศึกษาจึงเป็นวิถีทางที่จะพัฒนาคุณสมบัติพิเศษให้เกิดขึ้นในเด็กแต่ละคน
การประเมินผลจะต้องเป็นกระบวนการที่ตอบสนองความมุ่งหมายของศิลปศึกษาดังกล่าว ดังนั้นการประเมินผลจึงต้องยึดวัตถุประสงค์ของกิจกรรรมเป็นสำคัญ คือ เพื่อพัฒนาทุกด้านของเด็กปฐมวัย ตัวอย่างเช่น
1.
พัฒนาการด้านร่างกาย
สังเกตการควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
– ใหญ่
และประสาทสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ
2.
พัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ
สังเกตความสุขความร่าเริงแจ่มใส
ความมั่นใจในตนเอง และคุณธรรม เช่น ความอดทน ความรับผิดชอบ
3.
พัฒนาด้านสังคม
สังเกตการปรับตัวระหว่างทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เช่น
การใช้ของร่วมกัน
4.
พัฒนาการด้านสติปัญญา
สังเกตความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ การรู้จักใช้ความคิดของตนเองไม่ลอกเลียนแบบผู้อื่น การสังเกต และการใช้ภาษาเพื่ออธิบายภาพผลงาน (สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2530)
การประเมินค่าการแสดงออกทางศิลปะของเด็กปฐมวัย มิได้คำนึงถึงแต่ผลงานเหมือนการประเมินค่าผลงานของผู้ใหญ่ ทั้งนี้เพราะศิลปะของเด็กปฐมวัยมิได้สิ้นสุดเพียงที่ผลงาน หากยังต้องหาวิธีปรับปรุงกระบวนการทำงานของตนให้ดีขึ้นด้วย ในขณะที่กำลังทำงาน เด็กปฐมวัยจะแสดงลักษณะต่างๆ ออกมาให้เห็น ครูสามารถใช้ลักษณะในการทำงานดังกล่าวเป็นเกณฑ์สำหรับประเมินค่าผลงานของเด็กปฐมวัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังเป็นโอกาสให้ครูได้เสริมสร้างลักษณะอันเป็นที่ต้องการของสังคมให้แก่เด็กปฐมวัยไปด้วย
ลักษณะอันพึงปรารถนาที่เด็กปฐมวัยแสดงออกขณะที่เขาทำงาน ซึ่งครูควรนำมาพิจารณามีดังนี้
1. ความซื่อสัตย์ เด็กจะไม่คดโกงโดยการลอกแบบของผู้อื่นบ้าง
เอาวัสดุ ตลอดจนผลงานของผู้อื่นมาอ้างเป็นของตนบ้าง คดโกงในเรื่องเวลาบ้าง เหล่านี้เป็นต้น เด็กที่มีความซื่อตรง จะทำอะไรอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
2. ความตรงต่อเวลา
เด็กจะลงมือทำงานหรือเลิกงานตามกำหนดทำงานเสร็จทันตามกำหนด และส่งงานทันเวลาเสมอ โดยที่ครูหรือเพื่อนไม่ต้องเตือน
3. ความรับผิดชอบ เด็กจะมีความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย รู้จักหน้าที่
จัดหาวัสดุของตนมาทุกครั้ง ไม่นิยมการหยิบยืมของผู้อื่น ตั้งใจทำงานจนเสร็จ รู้จักรักษาอุปกรณ์ ตลอดจนสถานที่เป็นอย่างดี
4. ความรักงาน ขณะที่ทำงานจะแสดงความสนใจ ความตั้งใจ
ความเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา
ไม่ทิ้งงานกลางคัน หาทางปรับปรุงงานของตนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
5. ความรอบคอบ
เด็กจะทำงานอย่างรอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน
ไม่หลงลืมรายละเอียดที่แสดงออกในขณะที่ทำงาน
หรือหลงลืมวัสดุอุปกรณ์ของตน
6. ความเป็นประชาธิปไตย
เด็กได้แสดงความเป็นประชาธิปไตยให้ปรากฏ
ในขณะที่ทำงานร่วมกัน
เช่น รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตน รู้จักการให้และการรับ รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เป็นคนเห็นแก่ตัว รู้จักโอกาสของตนเองและของผู้อื่น เป็นต้น ลักษณะดังกล่าวนี้เป็นหัวใจของการศึกษาในยุคปัจจุบัน
เกณฑ์ทั่วไปในการประเมินผลความก้าวหน้าทางศิลปะของเด็กปฐมวัย
ประเทิน มหาขันธ์
ได้กำหนดเกณฑ์ทั่วไปในการประเมินผลความก้าวหน้าทางศิลปะของเด็กปฐมวัย ดังต่อไปนี้
1. การประเมินผล
ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องกัน
2. การประเมินผล
ต้องเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางศิลปะทั้งหมด
3. การประเมินผลกับการให้คะแนนเป็นคนละส่วนกัน การให้คะแนนเป็นผลของการประเมินผลแต่
ไม่ใช่เป็นความมุ่งหมายของการประเมินผล ความมุ่งหมายของการประเมินผลคือ
การทำให้กระบวนการของการศึกษามีความสมบูรณ์โดยผ่านกิจกรรมศิลปศึกษา
4. เกณฑ์ของการประเมินผลขึ้นอยู่กับปรัชญาของการศึกษาที่เป็นเครื่องชี้นำกระบวนการศึกษา
5. เกณฑ์ของการประเมินผลขึ้นอยู่กับความต้องการของเด็กปฐมวัยเป็นสำคัญ
6. เด็กต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑ์
และมีส่วนร่วมในการอภิปรายเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ได้กำหนดขึ้น
จากการอภิปรายโดยครูมีส่วนช่วยให้เด็กสามารถกำหนดเกณฑ์สำหรับการประเมินผลที่มีความหมายได้
7. เกณฑ์ในการประเมินผลจะต้องเปลี่ยนเมื่อเด็กเปลี่ยนไป
การประเมินผล
เป็นกระบวนการวัดคุณภาพของผลงานทางศิลปะ
เป็นการแสวงหาคุณค่าของผลงานทางศิลปะแต่ละชิ้น ในการวัดคุณภาพของผลงานทางศิลปะ
ทำได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
1. กระทำโดยเด็กปฐมวัย
ในขณะที่เด็กปฐมวัยสร้างงานศิลปะ
2. กระทำโดยครู
ในขณะที่เด็กปฐมวัยสร้างงานศิลปะ
3. กระทำโดยที่ครูกับเด็กร่วมกันอภิปรายกันถึงผลงานของตนและผู้อื่นที่สร้างเสร็จแล้ว
4. กระทำโดยการศึกษาผลงานที่จัดแสดงนิทรรศการ (ประเทิน มหาขันธ์, 2531)
การประเมินผลงานทางศิลปะ
ทำให้เด็กเข้าใจผลงานของผู้อื่นมากยิ่งขึ้น ในการสร้างผลงานทางศิลปะเด็กจะแสดงแนวความคิด
ความรู้สึก อารมณ์ ลงไปในงาน ตามที่เด็กเห็นว่าเหมาะสม สิ่งต่างๆ
ที่เด็กได้ใส่ลงไปในงานมีลักษณะเฉพาะที่เป็นของตนเอง
เด็กเป็นผู้ที่เข้าใจงานของตนแต่เพียงผู้เดียว ส่วนงานของผู้อื่นก็เช่นกัน
งานของใครคนนั้นก็เข้าใจ
การประเมินผลงานทางศิลปะ
เปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยสามารถทำความเข้าใจในผลงานของผู้อื่นอย่างกว้างขวาง
เข้าใจรูปแบบ แนวคิด ตลอดจนความหมาย ซึ่งเด็กไม่ค่อยเข้าใจมาก่อน
การประเมินผลงานทำให้เด็กสามารถปรับปรุงการแสดงออกทางศิลปะของตน การที่เด็กได้มีประสบการณ์ในการประเมินผลงานมาอย่างกว้างขวาง
ได้มีโอกาสเห็นผลงานที่มีลักษณะแปลกใหม่แตกต่างไปจากของเด็กเอง มีโอกาสอภิปรายถึงผลงานลักษณะต่างๆ
ระหว่างครูกับเพื่อนๆ ทำให้เด็กปฐมวัยได้รับความรู้ ความเข้าใจ
ก่อให้เกิดแนวความคิดที่กว้างขวาง ความรู้และประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้เด็กสามารถประเมินผลงานได้อย่างถูกต้อง
และสามารถนำประสบการณ์ทางศิลปะไปใช้ในการปรับปรุงงานของตนให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีกด้วย
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลงานศิลปะเด็กปฐมวัย
วิธีการประเมินผลผลงานศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัยทำได้หลายวิธี
แต่ที่นิยมปฏิบัติกันทั่วไปคือ การสังเกตอย่างเป็นระบบ การสัมภาษณ์
การเก็บรวบรวมผลงาน
ซึ่งหากทำได้ถูกต้องตามหลักวิธีแล้วจะได้ผลที่เที่ยงตรง
แม่นยำและสมบูรณ์มากกว่าวิธีการอื่นๆ และควรหลีกเลี่ยงการทดสอบที่เป็นข้อเขียน
หรือใช้แต่น้อย (สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ,
2530)
นภเนตร ธรรมบวร
กล่าวถึงเทคนิควิธีที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการ
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประเมินผลงานศิลปะเด็ก ไว้ดังนี้
1. การสังเกต
โดยส่วนใหญ่ครูจะสังเกตเด็กจากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น ในขณะที่เด็กกำลังทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมกลุ่มและกิจกรรมเสรี ขณะกำลังเล่นกับเพื่อน
โดยครูอาจเลือกสังเกตเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้
แล้วจดบันทึกไว้หรือจะใช้แบบบันทึกพฤติกรรม (checklist) ก็ได้
2. การรวบรวมผลงานเด็ก ผลงานต่าง ๆ ของเด็กเช่นภาพวาด ภาพปั้น ผลงานทางศิลปะของเด็ก หรือบันทึกของเด็กจะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางอารมณ์
จิตใจ และสังคมของเด็ก
พัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจของเด็กจะสะท้อนผ่านงานทางศิลปะ การใช้สีและภาพวาดของเด็กในช่วงอารมณ์ต่าง ๆ
จะแตกต่างกัน เช่น ภาพวาดในขณะที่เด็กอารมณ์แจ่มใส จะแตกต่างจากภาพวาดในขณะที่เด็กมีความวิตกกังวลเป็นต้น
นอกจากนั้น
ผลงานทางศิลปะของเด็กยังสะท้อนให้เห็นถึงการเจริญเติบโตและความพยายามที่จะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ
ในชีวิตของเด็ก
โดยส่วนใหญ่
เด็กเล็กๆ จะแสดงอารมณ์ต่างๆ ของตนผ่านทางภาพวาด มากกว่าการเขียนหรือคำพูด
ดังนั้นผลงานทางศิลปะของเด็กจะสามารถให้ข้อมูลต่าง ๆ
เกี่ยวกับตัวเด็กได้โดยครูอาจจะพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับภาพที่เด็กวาดแล้วเขียนเรื่องที่เด็กเล่าใต้ภาพที่เด็กวาดได้
3. การสัมภาษณ์ พูดคุย การสัมภาษณ์
พูดคุยอาจเกิดได้ทั้งกับตัวเด็กเอง และกับผู้ปกครอง
โดยส่วนใหญ่แล้วครูหรือนักจิตวิทยาโรงเรียนจะสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กในเรื่องที่ต้องการทราบ
ครูอาจมีการพูดคุยโดยตรงเกี่ยวกับความคิดและความรู้สึกของเด็กได้
ทั้งนี้เนื่องจากพัฒนาการด้านอารมณ์จิตใจและสังคมเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนละเอียดอ่อน และบางครั้งก็ยากแก่การสังเกต การพูดคุยกับเด็กโดยตรงจะช่วยให้ครูเข้าใจความรู้สึก นึกคิดของเด็ก
และไม่ด่วนสรุปตัดสิน
ตีความพฤติกรรมเด็กเร็วเกินไป
ครูอาจใช้คำถามง่าย ๆ เช่น “หนูรู้สึกอย่างไร” เป็นต้น
4. การใช้แบบทดสอบ
เป็นการทดสอบเพื่อต้องการทราบความรู้สึกของเด็กปฐมวัยโดยการสร้างสถานการณ์ (รูปภาพ) มาถาม แล้วให้เด็กตอบโดยเลือกรูปที่แสดงอารมณ์ต่างๆ กัน
ทั้งนี้เพื่อประเมินความรู้สึกนึกคิดของเด็กที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆนั่นเอง (ดวงเดือน ศาสตรภัทร,
2537 อ้างถึงใน นภเนตร
ธรรมบวร, 2540)
การประเมินพัฒนาการในด้านที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์จิตใจ
และสังคมของเด็กปฐมวัย ถือเป็นเรื่องท้าทายและซับซ้อนทั้งนี้เนื่องจากพฤติกรรมหลายอย่างไม่อาจสังเกตเห็นทันทีทันใด ในขณะเดียวกันเด็กที่มีพฤติกรรมการแสดงหลายรูปแบบซึ่งในบางครั้งทำให้ยากแก่การสรุป
ครูมีความจำเป็นที่จะต้องใช้การประเมินผลหลายรูปแบบเริ่มตั้งแต่การสังเกต การรวบรวมผลงานเด็ก การพูดคุย
สัมภาษณ์เด็กและผู้ปกครองรวมตลอดถึง
การใช้แบบทดสอบ
การจะเลือกใช้เทคนิควิธีการประเมินผลรูปแบบใด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับเด็ก ตัวครู และผู้ปกครอง (นภเนตร ธรรมบวร,2540)
นอกจากนี้ เชอร์มาคเคอร์ (Schirrmacher, 1993) ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเครื่องมือในการประเมินพัฒนาการศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย
ไว้ว่า การประเมินพัฒนาการทางศิลปะเด็กปฐมวัยนั้น ควรใช้รูปแบบการประเมินโดยองค์รวม
(wholistic model) เพื่อวางแผนการจัดประสบการณ์ที่เหมาะสม
รายงานผลพัฒนาการด้านศิลปะให้ผู้ปกครองทราบ ตลอดจน เพื่อสนับสนุนโปรแกรมการจัดประสบการณ์ด้านศิลปะที่เหมาะสมให้เด็กต่อไป
ซึ่งการประเมินผลงานศิลปะที่สัมพันธ์กับพัฒนาการร่างกาย สังคม อารมณ์ จิตใจ และ
สติปัญญา มีดังนี้
เทคนิควิธีที่ใช้ในการประเมินพัฒนาการทางศิลปะของเด็ก
_______ การสังเกต
_______ การรวบรวมผลงานเด็ก
_______ การสัมภาษณ์ พูดคุย
_______ การใช้แบบทดสอบ
_______ อื่นๆ (ระบุ) _______________________
แบบประเมินพัฒนาการศิลปะเด็กปฐมวัยโดยองค์รวม (wholistic model) ของ เชอร์มาคเคอร์ (Schirrmacher, 1993)
ด้านร่างกาย
1. ในการใช้วัสดุอุปกรณ์
เครื่องมือทางศิลปะ เด็กแสดงให้เห็นถึง
_____ การควบคุมกล้ามเนื้อใหญ่
หรือ ควบคุมทักษะการเคลื่อนไหว
_____ การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
2. การใช้วัสดุอุปกรณ์
เครื่องมือทางศิลปะอย่างเหมาะสม
_____ กรรไกร _____
กาว _____ พู่กัน
_____ สีเทียน _____ สีเมจิก / ปากกาเมจิกขนาดใหญ่
_____ อุปกรณ์การปั้น _____ สีน้ำ
3. ช่วงความสนใจ
สมาธิและความอดทนในการทำงานศิลปะ
4. ความสมบูรณ์ในกิจกรรมศิลปะ
ด้านสังคม
1. มีทักษะ ความสามารถในการทำงานตามลำพัง
2. แสดงถึงความรับผิดชอบที่มีต่อ
_____ การนำวัสดุอุปกรณ์ในการทำกิจกรรมศิลปะไปใช้และการจัดเก็บ
_____ การทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์
_____ การปฏิบัติตามข้อตกลงในการทำกิจกรรมศิลปะ (กฎของศูนย์ศิลปะ)
3. แสดงถึงการมีแนวความคิดด้านศิลปะของตนเองมากกว่าการเลียนแบบแนวคิดของผู้อื่น
4. มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น (สังเกตขณะทำงานที่โต๊ะกิจกรรม
บริเวณที่ตั้งขาหยั่งวาดรูป หรือ ในศูนย์ศิลปะ)
5. ยอมรับในความคิดเห็น รูปแบบ และผลงานด้านศิลปะของผู้อื่น
ด้านอารมณ์-จิตใจ
1. ยอมรับข้อผิดพลาดและความล้มเหลวในการทำงานศิลปะของตนเอง
2. มีการแสดงออกอย่างมั่นใจ ไม่หวาดกลัว
3. แสดงอารมณ์และความรู้สึกของตนเองผ่านงานศิลปะ
4. ทำงานศิลปะด้วยความเพลิดเพลินและภาคภูมิใจในผลงานของตน
5.ไม่ทำร้ายความรู้สึกของผู้อื่น
ด้านสติปัญญา
1.เข้าใจในกระบวนการทำงานด้านศิลปะ
2.มีส่วนร่วมในการสนทนาเกี่ยวกับผลงานของตนและของผู้อื่น ตั้งชื่อเรื่องหรือหัวข้อเรื่องในการทำผลงานศิลปะ
3. เข้าใจและใช้คำศัพท์ในการทำงาน อธิบายผลงานศิลปะ
4. มีหลักฐานแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึง
_____ ลักษณะผลงานเฉพาะตัว
_____ แสดงผลงานต่อที่สาธารณะ มีหัวข้อเรื่องชัดเจน เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น
5. แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในเรื่องสีและการผสมสี
6. สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ในเรื่อง รูปร่าง รูปทรง ต่างๆ ได้แก่
_____ วงกลม _____ สี่เหลี่ยมจัตุรัส _____ สามเหลี่ยม _____ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
_____ เส้นลักษณะต่างๆ _____ การผสมผสานรูปร่าง
รูปทรงต่างๆ _____ รูปทรงอิสระ
7. สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ในเรื่องผู้คน (ประชาชน)
สถานที่ วัตถุ ประสบการณ์ที่มีต่อเหตุการณ์ต่างๆ
ความสัมพันธ์ของตนเองและสิ่งแวดล้อม
8. การวาดภาพคน ________________________________________________________
ด้านความคิดสร้างสรรค์
1. แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะค้นคว้า ทดลอง
สำรวจด้วยวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือที่หลากหลาย
2. แสดงวิธีการที่สร้างสรรค์และหลากหลายในการผสมผสานวัสดุอุปกรณ์ด้านศิลปะ
3. แสดงให้เห็นถึงการตกแต่งผลงานอย่างประณีต มีรายละเอียด
4. สะท้อนให้เห็นความคิดริเริ่ม จินตนาการและ ความคิดสร้างสรรค์
5. เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผลงานศิลปะโดยมีลักษณะเฉพาะของตนเอง
ด้านสุนทรียภาพ
1.แสดงถึงความสนุกสนาน มีความสุขในการทำกิจกรรม
_____ กระบวนการทำงาน _____ การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ _____ การผลิตผลงานศิลปะ
2. การนำวิธีการที่หลากหลายมาใช้ในด้าน
_____ สื่อศิลปะ 2 มิติ _____ สื่อศิลปะ 3 มิติ
3. การให้เห็นถึงการใช้ประสาทสัมผัสทางด้าน
_____ การมอง _____ การสัมผัส _____ การฟัง _____ การดม _____ การชิมรส
4.แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่มีต่อ
_____ สิ่งต่างๆ รอบตัว _____ ธรรมชาติ _____ สภาพแวดล้อม
5. มองเห็นความคล้ายคลึงและความแตกต่างกันในรูปแบบของงานศิลปะ
6. มีความชื่นชมผลงานศิลปะที่หลากหลายรูปแบบ
7. มีความรู้ในเรื่ององค์ประกอบทางศิลปะต่อไปนี้
_____ สี _____ เส้น _____ มวล / ความหนา
_____ แบบแผน _____ รูปร่าง _____ เนื้อที่ พื้นที่ว่าง _____ พื้นผิว
8. ใช้วัสดุอุปกรณ์ทางศิลปะเพื่ออภิปราย หรือแสดงความชื่นชมในเรื่อง
_____ ธรรมชาติ _____ สิ่งต่างๆ รอบตัว _____ สิ่งแวดล้อม / สภาพแวดล้อม
_____ ผลงานศิลปะของตน _____ ผลงานศิลปะของผู้อื่น
9. ความเป็นตัวของตัวเอง
ผลงานศิลปะที่เด็กชอบมากที่สุด จัดลำดับเป็นที่ 1 2 และ
3
ศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ
_____ การทำสัญลักษณ์ _____ ก่อสร้าง
_____ การวาดภาพ ระบายสี _____ การปั้น
_____ การพิมพ์ _____ งานกระดาษ 3 มิติ (กระดาษอัด)
_____ การใช้สีน้ำ _____ การสะสมผลงาน
_____ การสร้างภาพลายฉลุ _____ การทำหน้ากาก
_____ ภาพตัดปะ _____ โมบาย
_____ การมัดย้อม _____ การสาน การทอ
_____ การสร้างภาพบาติค _____ การเย็บปัก ถักร้อย
ผลงานศิลปะของเด็กที่เก็บรวบรวมไว้เป็นแฟ้มส่วนบุคคลนั้น
มีความสำคัญต่อการประเมินพัฒนาการความก้าวหน้าทางด้านศิลปะเป็นอย่างมาก
ครูควรประเมินด้วยวิธีการสังเกตพฤติกรรมอย่างระมัดระวังและเอาใจใส่
จดบันทึกพฤติกรรมของเด็ก ดังตัวอย่างเครื่องมือข้างต้น
แล้วจัดเก็บผลการประเมินพัฒนาการศิลปะไว้ในแฟ้มผลงานของเด็กเป็นรายบุคคล
จัดเก็บผลงานของเด็กไว้ในแฟ้มผลงาน รวมถึงการรายงานผลต่อผู้ปกครอง
และการวางแผนเพื่อเตรียมจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมสำหรับเด็กต่อไป
การประเมินผลที่ดีย่อมมุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้เด็กได้มีพัฒนาการงอกงามตามลักษณะความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยประเมินผลอย่างเป็นกระบวนการต่อเนื่อง
หลักเกณฑ์ที่ใช้วัดควรจัดให้เหมาะสมกับขั้นตอนของความเจริญทางศิลปะของเด็ก
ครูควรคำนึงถึงพัฒนาการมากกว่าผลงานที่เด็กทำขึ้น
เนื่องจากการสร้างผลงานของเด็กในวัยนี้ยังเป็นเพียงขั้นฝึกทักษะเท่านั้น
การประเมินผลจึงควรเป็นการส่งเสริมจิตใจของเด็กปฐมวัย ไม่ใช่การทำลายความเชื่อมั่น
หรือทำให้เกิดความขลาดกลัว
จนไม่กล้าที่จะแสดงออกในครั้งต่อไป
แนวทางการประเมินและการวิเคราะห์พัฒนาการทางปัญญาของเด็ก (การวาดภาพ)
พฤติกรรมพัฒนาการของเด็กวัยอนุบาลด้านปัญญา (แนวทางที่ครูควรสังเกตการเรียนรู้ของเด็กผ่านทักษะและความสามารถในการถ่ายทอดจินตนาการผ่านการสื่อความหมายโดยการวาด การขีดเขี่ย การวาดรูปฟอร์ม (วงกลม สี่เหลี่ยมสามเหลี่ยม) การวาดรูปคน การวาดรูปบ้าน
ลำดับพัฒนาการของเด็กปฐมวัยด้านปัญญา
(การวาดภาพ)
ที่มา: ทิพจุฑา สุภิมารส. (2561). ศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย. สุรินทร์ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น