หน้าเว็บ

การส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยโดยกิจกรรมศิลปะ

 

การส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยโดยกิจกรรมศิลปะ

การจัดกิจกรรมศิลปะให้กับเด็กปฐมวัยเป็นการเตรียมความพร้อมและส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการในด้านต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะกิจกรรมศิลปะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยได้ทดลอง  ได้ค้นคว้า ได้คิด ได้ทำและแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมรายบุคคล กิจกรรมกลุ่มย่อย กิจกรรมกลุ่มใหญ่  เด็กจะได้สะสมประสบการณ์ต่างๆ  ซึ่งเป็นประสบการณ์ตรง และสามารถทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ดี

 
                                        ทิพจุฑา  สุภิมารส. (2561)

ศิลปะเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย

กิจกรรมศิลปะช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กในด้านต่างๆ ได้แก่ พัฒนาการทางด้านอารมณ์ สติปัญญา ร่างกาย การรับรู้ สังคม สุนทรียภาพ และการสร้างสรรค์  (วิรุณ ตั้งเจริญ, 2532) ดังนี้

1. พัฒนาการทางด้านอารมณ์

กิจกรรมศิลปะช่วยให้เด็กแสดงออกอย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ ได้แสดงความสามารถและเห็นผลสำเร็จจากการแสดงออกของตน ความเพลิดเพลินสนุกสนานและความภาคภูมิใจ  จะช่วยพัฒนาอารมณ์ของเด็กปฐมวัยได้อย่างดีเยี่ยม ความสนใจ  ความกระตือรือร้น  และความตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เท่ากับเป็นการพัฒนาความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางอารมณ์ในการทำงาน โดยผ่านการฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

          เด็กที่ได้รับเสรีภาพทางอารมณ์ด้านการแสดงออกสร้างสรรค์ย่อมช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยและความรู้สึกมั่นใจที่จะเผชิญปัญหา มีความพร้อมในการเผชิญกับสิ่งแปลกใหม่  และเกิดความรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการที่จะพาตัวเองเข้าไปสู่สิ่งต่างๆ หรือปัญหาต่างๆ อารมณ์ที่มั่นคงของคนเรา ทำให้รู้จักยืดหยุ่นและแยกแยะประสบการณ์ด้วยความมั่นใจ




2. พัฒนาการทางด้านสติปัญญา

การที่เด็กแสดงออกทางศิลปะในแต่วัยหรือแต่ละคนแตกต่างกัน ย่อมแสดงถึงความแตกต่างทางด้านสติปัญญาด้วย  ข้อแตกต่างนั้นอาจจะปรากฏในแง่ของรายละเอียดการแสดงรูปทรง  การออกแบบ  การระบายสี  หรือการจินตนาการ  ซึ่งข้อแตกต่างหรือพัฒนาการทางด้านสติปัญญาที่ปรากฏให้เห็นได้เช่นนี้  สามารถพิจารณาได้จากความแตกต่างของวัย  บุคคล  หรือในแต่ละช่วงเวลา  ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาที่เด็กชะงักงันในการการพัฒนาการรูปแบบศิลปะ  ก็อาจจะเป็นสิ่งชี้ถึงการชะงักงันทางการพัฒนาด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้าน



3. พัฒนาการทางด้านร่างกาย

  ศิลปะที่มีผลต่อพัฒนาการทางด้านร่างกายเป็นการพัฒนาการทั้ง 2 ด้านด้วยกัน คือ  พัฒนาการทางด้านร่างกายในแง่การเคลื่อนไหว  การเติบโต  การออกกำลังร่างกาย  แขน  ขา  และพัฒนาการทางกายในแง่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการใช้มือให้สัมพันธ์กับตาและความคิด  รวมทั้งโสตประสาทอื่นๆ ตัวอย่างเช่น กิจกรรมศิลปะที่ต้องจับวัสดุอุปกรณ์ปั้น  ขีดเขียน  ฉีกตัด  ปะติด  ให้เป็นไปตามการรับรู้ ความคิด จินตนาการ กิจกรรมศิลปะจึงมีความสำคัญเด่นชัดทางด้านพัฒนาการทางกายให้สัมพันธ์กับโสตประสาทการรับรู้  และระบบการสั่งงานของสมอง  ซึ่งจะมีผลไปสู่การรับรู้  การคิด  และการแสดงออกในทุกๆด้าน







4. พัฒนาการทางด้านการรับรู้

           สมรรถภาพทางด้านการรับรู้  เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในตัวเด็ก ที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้และสะสมประสบการณ์ที่ดี เพราะการรับรู้ย่อมเกี่ยวข้องกับประสาทสัมผัสโดยตรง โดยที่คุณภาพของการรับรู้  จะประกอบด้วยการรับรู้รูปแบบ  การรับรู้ทางด้านคุณค่า  และการคิดวิเคราะห์  เช่น  การที่เด็กเห็นเมฆฝน  ประสาทสัมผัสของเขาย่อมรับรู้เกี่ยวกับลักษณะโดยส่วนรวม รับรู้รูปร่างและสี  รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นตามมาหลังจากเกิดเมฆฝน  และคิดวิเคราะห์ผ่านเลยไปถึงว่า  ฝนมีคุณหรือโทษอย่างไรอีกด้วย

          กิจกรรมศิลปะจะช่วยสร้างเสริมความสามารถในการรับรู้สองด้านด้วยกันคือ ทางด้านการรับรู้วัตถุ  สิ่งแวดล้อม  และสภาพการณ์ต่างๆ  ในฐานะที่สิ่งเหล่านั้นมีสภาพเป็นสื่อดลใจในการสร้างสรรค์รูปแบบทางศิลปะ เป็นการสร้างเสริมสมรรถภาพทางด้านการรับรู้ด้านรูปแบบ ความงามและคุณค่า

          อีกด้านหนึ่ง เป็นการฝึกฝนที่สะสมการรับรู้ต่อวัตถุ เป็นการรับรู้คุณภาพที่เกี่ยวกับความงาม  และคุณภาพทางด้านการคิด ผ่านการฝึกปฏิบัติศิลปะซึ่งเกี่ยวข้องกับสี  รูปทรง  ปริมาตร  พื้นผิว  บริเวณว่าง ฯลฯ  ซึ่งช่วยพัฒนาการทางด้านการรับรู้ของเด็กได้อย่างดี





















5. พัฒนาการทางด้านสังคม

การที่เด็กแสดงออกเป็นผลงานศิลปะ คือ การถ่ายทอดสาระไว้ในงานศิลปะแต่ละชิ้นด้วยไม่ว่าเป็นสาระส่วนตัวหรือสาระที่เกี่ยวข้องกับสังคม การแสดงออกทางศิลปะสำหรับเด็กส่วนใหญ่จะเน้นสาระที่เกี่ยวข้องกับความคิดคำนึงส่วนตัว  สาระที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม  และสาระที่เด็กเกี่ยวข้องกับสังคม  โดยเฉพาะกับสาระที่เกี่ยวข้องกับสังคมนั้น  นอกจากจะเป็นสื่อสารให้เรารับรู้ถึงการที่เด็กมีความสัมพันธ์กับสังคมอย่างไรแล้ว  กิจกรรมในลักษณะนี้  ยังเน้นให้เด็กคิดคำนึงถึงสังคมรอบตัว  และความสัมพันธ์ที่เขาพึงมีต่อสังคมอีกด้วย

          กิจกรรมศิลปะสำหรับเด็กในปัจจุบันเน้นกิจกรรมกลุ่มมากขึ้น  เช่น  กิจกรรมเขียนภาพผนัง  กิจกรรมต่อโครงสร้าง  เพื่อมุ่งพัฒนาการทางด้านสังคมโดยตรง  เพราะเชื่อว่า  กิจกรรมกลุ่มย่อมสร้างสมประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป  และเป็นกระบวนการต่อเนื่อง การเปิดโอกาสให้เด็กทำงานร่วมกัน  ปรึกษาหารือ  ช่วยเหลือกัน  เป็นการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันหรือเป็นการพัฒนาการทางด้านสังคมของเด็กด้วย  ด้วยเหตุนี้การจัดห้องเรียนศิลปะจึงต้องมีบริเวณปฏิบัติงานที่สะดวกสำหรับการทำงานร่วมกัน  และมีบรรยากาศที่เสรี 



                                                        ทิพจุฑา  สุภิมารส. (2561)

6. พัฒนาการทางด้านสุนทรียภาพ

   โลเวนเฟลด์ (Lowenfeld, 1957) กล่าวถึงกิจกรรมศิลปะที่เกี่ยวข้องกับสุนทรียภาพ ไว้ว่า ความเจริญงอกงามทางด้านสุนทรียภาพของเด็กปฐมวัยในผลงานสร้างสรรค์ จะแสดงให้เห็นถึง  ประสาทสัมผัสที่ได้บูรณาการประสบการณ์ทั้งมวล  ซึ่งเกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก การรับรู้  ผลจากการบูรณาการนี้  สามารถที่จะพบได้จากการจัดภาพที่ประสานกลมกลืนกันเป็นเอกภาพ  และแสดงออกด้วยภาวะของบริเวณว่าง  เส้น  ลักษณะผิว  และสี  เด็กที่บกพร่องด้านความงอกงามทางสุนทรียภาพ จะแสดงความสับสนในด้านการจัดองค์ประกอบภาพ  และขาดความรู้สึกบนพื้นภาพ  ขาดความคิด  และการแสดงออกที่น่าสนใจ

          สุนทรียภาพ  คือประสิทธิภาพในการรับรู้ความงาม  ความเหมาะสม  และความเป็นเอกภาพของสรรพสิ่ง  ซึ่งมิได้จำกัดไว้แต่เพียงความงามของศิลปะเท่านั้น  แต่รวมถึงความรู้สึกสัมผัสที่มีต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่นำมาเป็นสื่อดลใจ  ซึ่งมีผลต่อการสร้างสรรค์ความงามในศิลปะ  และการซาบซึ้งความงามในศิลปะก็มีผลต่อความซาบซึ้งในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย













7. พัฒนาการทางด้านการสร้างสรรค์

           กิจกรรมศิลปะเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ท้าทายความคิดและท้าทายการแสดงออกของเด็ก จากการสร้างสรรค์ศิลปะของเด็กที่พร้อมด้วยเสรีภาพย่อมเป็นสิ่งประทับใจต่อเด็กเสมอ หากเด็กได้แสดงออกโดยไม่รู้สึกผิดและไม่รู้สึกล้มเหลวย่อมสร้างความมั่นใจในการแสดงออกได้อย่างมาก เมื่อมีความมั่นใจเขาก็พร้อมจะสร้างสรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า พัฒนาการทางด้านการสร้างสรรค์ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม  การสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดีต่อเมื่อเด็กมีความพร้อม  วัสดุอุปกรณ์พร้อม  กิจกรรมที่กระตุ้นการสร้างสรรค์  และมีบรรยากาศที่พร้อมด้วยเสรีภาพเป็นปัจจัยสำคัญ

          นอกจากการสร้างสรรค์ของเด็กจะปรากฏให้พบเห็นได้ในงานศิลปะ  รูปแบบ  เนื้อหา และแนวคิด  การสร้างสรรค์ผลงานยังเป็นการสะสมบุคลิกการสร้างสรรค์ด้วยเช่นกัน  และ หากการสร้างสรรค์ศิลปะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง บุคลิกภาพที่สร้างสรรค์ย่อมเกิดขึ้นกับเด็กด้วย

 


 การส่งเสริมพัฒนาการลักษณะนิสัยเด็กด้วยกิจกรรมศิลปะจึงเป็นการส่งเสริมพัฒนาการโดยองค์รวม ได้แก่ พัฒนาการด้าน อารมณ์ จิตใจ สติปัญญา ร่างกาย การรับรู้ สังคม  สุนทรียภาพ และ การสร้างสรรค์ นอกจากนี้  ศิลปะยังส่งเสริมพัฒนาการทางบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัย สุขนิสัย ทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

    การส่งเสริมพัฒนาการเด็กโดยกิจกรรมศิลปะต้องคำนึงถึงขอบข่ายเนื้อหาในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ซึ่งไม่ใช่จัดการศึกษาแบบแยกรายวิชาขาดจากกัน แต่เป็นการจัดเนื้อหาในลักษณะบูรณาการ เนื่องจากเด็กปฐมวัยมีพัฒนาการในลักษณะขององค์รวม ดังนั้นกิจกรรมที่จัดเตรียมในเด็กปฐมวัยจึงควรจัดในลักษณะเชื่อมโยง ประสานเนื้อหา ซึ่งศิลปะสามารถบูรณาการสัมพันธ์กับเนื้อหาวิชาต่างๆ ได้ ทุกรายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา การสื่อสาร การอ่านออกเขียนได้ สังคมศึกษา เป็นต้น

 



ศิลปะบูรณาการสัมพันธ์กับเนื้อหาวิชาต่างๆ

1. ศิลปะและคณิตศาสตร์

              โดยธรรมชาติเด็กมักใช้คำพูดบรรยายขณะทำกิจกรรม เช่น การระบุขนาดหรือจำนวน (quantify) ของวัตถุ เครื่องมือและวัสดุทางศิลปะ ขณะวาดภาพตัวเอง เด็กบางคนใช้รูปทรงทางเรขาคณิตในการวาดรูป และอธิบายไปขณะวาดว่า สี่เหลี่ยมสูงสีน้ำตาล มีวงกลมสีเขียวข้างบน หนูกำลังระบายสีต้นไม้ 

               ตัวอย่างกิจกรรมที่เป็นการบูรณาการศิลปะและคณิตศาสตร์ ได้แก่  รูปจากรูปทรงเรขาคณิต  เส้นตรง เส้นโค้ง และ วงกลม กระดาษรูปร่างต่างๆ (variety of paper shapes)  การออกแบบด้วยเส้นเชือกสร้างเป็นภาพต่างๆ เป็นต้น

  2. ศิลปะ และ วิทยาศาสตร์

                กิจกรรมทางศิลปะจะช่วยให้เด็กค้นพบหลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่น สีฝุ่นจะละลายในน้ำ หากเติมน้ำลงในสีที่แห้งหรือจะทำให้เกิดของเหลว การสังเกตระยะเวลาที่ทำให้สีแห้ง การนำสีที่ยังเปียกอยู่ไปตากแดดซึ่งจะทำให้สีแห้งเร็วขึ้น ตลอดจนวิธีรักษาความชื้นไว้ การสร้างแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ การตั้งสมมติฐาน การคาดคะเน การสังเกต การตั้งคำถาม การอภิปราย และคำอธิบาย

               การสังเกต การทดลอง ในกิจกรรมระบายสี เช่น ถ้าใช้น้ำมากเกินไปจะทำให้สีเลอะและควบคุมยาก ถ้าน้ำน้อยหรือไม่มีน้ำเลยจะทำให้สีหนาและระบายยาก วิธีการระบายสีด้วยน้ำหนักกดเบาหรือแรงจะให้ผลแตกต่างกัน เด็กจะเรียนรู้เรื่องแรงกดและแรงต้าน

               ตัวอย่างกิจกรรมที่เป็นการบูรณาการศิลปะและวิทยาศาสตร์ ได้แก่   การตัดปะภาพอาหารหลัก 5 หมู่ การสร้างงานศิลปะจากธรรมชาติ  การผสมสี   โมบายล์ การสร้างระบบนิเวศน์


3. ศิลปะเพื่อการสื่อสารและการอ่านออกเขียนได้

             ศิลปะ เปิดโอกาสให้เด็กนำเสนอสิ่งที่ตนไม่สามารถกล่าวออกมาเป็นคำพูดแต่สามารถแสดงออกมาได้ด้วยการขีดเขียนหรือภาพวาด ด้วยการกระตุ้นและส่งเสริมให้เด็กสร้างสรรค์สิ่งที่ตนอยากจะพูดออกมา เด็กอ่านงานศิลปะของตนเช่นเดียวกับผู้ใหญ่อ่านหนังสือ การขีดเขี่ย (scribbling) การสร้างเครื่องหมาย (mark making) การลากเส้นสี (painted stroke) นับเป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาการพิมพ์และการเขียน

             ศิลปะ ให้โอกาสเด็กในการใช้คำศัพท์ทางศิลปะอภิปรายแสดงความคิดเห็นกับเพื่อนๆ และผู้ใหญ่ ครูสามารถช่วยแนะนำและเสนอรูปแบบของคำศัพท์เหล่านี้ขณะพูดคุยกับเด็กๆ เกี่ยวกับผลงานศิลปะของเขาเหล่านั้น เด็กจำได้ในเรื่องสี รูปร่าง พื้นผิว เส้น และ การเคลื่อนไหวในงานศิลปะของตนและของคนอื่นๆ เส้นจะมีลักษณะเป็นเส้นหนา เส้นตัดกัน เส้นไขว้หรือกากบาท เส้นคลื่น เส้นแนวตั้ง เส้นแนวนอน เส้นทแยง  เส้นโค้ง หรือเส้นหยัก ส่วนรูปภาพอาจมีลักษณะแห้ง เปียก เป็นหยด เหนียว หมาด เลอะ เป็นมันลื่น หรือสีแตก

             ตัวอย่างกิจกรรมที่เป็นการบูรณาการศิลปะเพื่อการสื่อสาร และ การอ่านออกเขียนได้ ได้แก่ การสนทนาเกี่ยวกับกิจกรรมศิลปะ การส่งเสริมให้เด็กเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผลงานศิลปะของตน การสร้างตุ๊กตาผู้ช่วยในการตอบคำถาม (เป็นตัวแทนของเด็กที่ขี้อาย  ทำให้เด็กกล้าเล่าเรื่องมากขึ้น)   การตัดปะภาพที่มีเสียงคล้องจอง เช่น พยัญชนะ    จะมีภาพ  ไก่ กา กบ  หรือ ในหน้าพยัญชนะ     ก็จะมีภาพ  ปลา ปู เป็ด ฯลฯ  ปะติดอยู่ในหน้าดังกล่าว ให้เด็กทำแฟ้มสะสมภาพตัดปะจากเสียงพยัญชนะแต่ละเสียงให้ครบทุกตัว การปั้นดินน้ำมันเป็นตัวอักษรจากชื่อของเด็ก การบีบขวดสีผสมแป้งให้เป็นตัวอักษร การอ่านหนังสือนิทานและฝึกให้เด็กวาดภาพเรื่องราวที่เพิ่งอ่านจบ เป็นต้น

4. ศิลปะและสังคมศึกษา

             ศิลปะ ช่วยให้เด็กได้สัมผัสกับตนเองและผู้อื่น นำเสนอความเป็นตนเองด้วยรูปวาด การวาดภาพคนเป็นการเสริมสร้างความตระหนักรู้ในตน (awareness of self) ส่วนต่างๆ ของร่างกายของตนเองและผู้อื่น เรารับรู้และคุ้นเคยกับการศึกษาศิลปะจากศิลปิน จึงควรจัดชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ให้เด็กได้มีโอกาสศึกษาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยจัดเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียน การเรียนรู้จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ โดยจัดเป็นบทเรียนย่อๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น

ตัวอย่างกิจกรรมที่บูรณาการศิลปะสัมพันธ์กับสังคม ได้แก่  หนังสือ  ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉันเด็กๆ สามารถสร้างภาพวาดใบหน้าตนเอง รูปร่าง ความรู้สึก ความชอบ ความไม่ชอบ บ้าน ครอบครัวและเพื่อนๆ  การเขียนภาพฝาผนังร่วมกัน เป็นต้น

5. ศิลปะ และศิลปะเพื่อการแสดงออก (art and the expressive arts)

             ศิลปะเป็นการสร้างสรรค์เพื่อการแสดงออก รวมทั้งดนตรีและกิจกรรมการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นศิลปะเพื่อการแสดงออกที่สร้างความกระปรี้กระเปร่าให้แก่เด็ก แม้กระทั่งศิลปะแง่อื่นๆ เช่นการวาดภาพก็สามารถนำเสนอในลักษณะการเคลื่อนไหวได้เช่นเดียวกัน ดนตรีสามารถช่วยส่งเสริมการแสดงออกให้แก่เด็ก ด้วยการเน้นเสียงดนตรีในด้านอารมณ์ (mood) สีสันของเสียง (tone) อัตราความเร็ว (tempo) หรือจังหวะ (beat)  ซึ่งก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เป็นไปอย่างธรรมชาติ

             กิจกรรมที่บูรณาการในศิลปะและศิลปะเพื่อการแสดงออก ได้แก่   การวาดภาพประกอบดนตรีเพื่อการวาดภาพ   การออกแบบเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์การแสดง การระบายสีหรือสร้างหน้ากาก เป็นต้น  

ที่มา: ทิพจุฑา  สุภิมารส. (2561). ศิลปะสำหรับเด็กปฐมวัย. สุรินทร์ : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น